วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มองบลังค์

(ลงรูปก่อนเดี๋ยวมาเล่า รูปเยอะ เรื่องน่าจะยาว ฮาาา)

24/6/2554

มาแว้ววว... ช่วงนี้งานมะรุมมะตุ้ม(ใช้คำถูกเปล่าไม่รู้นะ ขี้เกียจเปิดพจนานุกรม งุงิ)
เล่าเรื่องจากภาพละกัน ^^
 แอบไปกินเค้กกับเพื่อนที่มองบลังค์ ที่ใช้คำว่าแอบ เพราะอจ.บอกว่าถ้าไปชวนด้วย
แต่นี่ไปกันแล้วไม่ได้ชวน สมาชิกยังไม่ครบสี่ เลยไม่ได้ชวน
ต้องให้สมาชิกครบทีมก่อน ถึงจะชวนได้
เพื่อนอีกคนหายไปเที่ยวเล่นเมืองกรุงน่ะ ^^"
ตอนนี้ก็ครบแล้วแหละ แต่รอจังหวะ เวลา และโอกาสก่อน ค่อยชวน

เค้กที่เห็นชิ้นแรกคือทริปเปิ้ลช็อคโกแลต
เพื่อนเลือกมา อร่อยดี หน้าตาดีไม่แพ้รสชาติ
ชอบป้ายชื่อร้านที่ปักบนเค้ก

ทริปเปิ้ลช็อคโกแลต

อันนี้... อ้าว เหมือนกัน! ถ่ายซ้ำ งั้นดูรูปเพลินๆ ฮ่าๆ

รูปซ้ำ อิอิ

เค้กที่เห็นชิ้นที่สองมีพี่ที่ไปกินก่อนแนะนำว่าชิ้นนี้ไม่ควรพลาด เพราะอร่อยมาก
พอไปที่ร้านก็มองหาชิ้นนี้ก่อนเลย
พอสั่งมาแล้วกิน โอเคไม่ผิดหวัง เริ่ดค่าาา :D

ดาร์กช็อคโกแลตเค้ก

เค้กชิ้นสุดท้ายอันนี้ของเพื่อนเลือก
เป็นเนื้อมะม่วงนะ เปรี้ยวๆ อร่อยดี

 
ซัมเมอร์เลิฟเวอร์...

เหมือนกันอีกแล้ว
รูปซ้ำ ดูเล่นๆ อีก

รวมๆ ไปกันสามคน ก็สามชิ้นพอ เยอะไปเดี๋ยวอ้วน ^^!

เมื่อสามชิ้นมาอยู่รวมกัน


อ้าววว...นี่ก็ซ้ำ วะฮ่าๆ

ดีวีดีพี่รุจเพิ่งออกเดือนนี้แรก ไปสอยมาแล้ว
ซึ่งซีดีเขียนไปแล้วในบล็อคแรก ย้อนอ่านดูได้จ้ะ => Romantic RUJ
ตอนนี้ราคาดีวีดีกับวีดีโอก็ไม่ต่างกันมากนะ เลยซื้อดีวีดีมาเลย เพราะไงก็คุ้มกว่า
ซื้อมาก็นั่งดูหน้าพี่รุจเพลินๆ เพลงก็เพราะ อิอิ...

ดีวีดี Romantic Ruj

นิตยสารรายเดือน รายปักษ์ที่ซื้อตามคนที่ลงในเล่ม
ไม่ลงเราไม่ซื้อ ถ้าลงเราก็ต้องไปสอยมา 5555
ดีที่เดือนนี้ลงน้อยหน่อยสองเล่ม เดือนก่อนสี่เล่ม จะหมดตัว ฮอตจริงไรจริงนะคุณพี่!!
เดือนนี้ก็มีอินกับแมรี่แคลร์

In Magazine + Marie Claire

นี่เป็นขนมที่เพิ่งเคยกินครั้งแรก คือขนมไหมฟ้า
ไปเจอที่งานขายผลไม้ที่ประตูท่าแพ
กล่องละ 40 บาท ข้างนเป็นซีเรียล กรอบๆ
เอามาแช่ตู้เย็นอร่อยดี กรอบๆ ^^

ขนมไหมฟ้า
บล็อคนี้เล่าเรื่องจากภาพ สัพเพเหระนะ
อย่าหวังสาระ 55555
ตอนพิมพืไปก็ยังขี้เกียจนะ กรูไม่น่าเอารูปมาลงก่อนเลย
เป็นการบังคับตัวเองให้เขียนบล้อคเฉยเลย
ปกติจะเขียนเมื่ออยากเขียน
แต่บล็อคนี้รู้สึกเหมือนโดนบังคับกรายๆ ฮ่าๆ
แต่ก็สนุกทุกครั้งเมื่อได้เขียนนะ ได้บอก ได้เล่า
บางทีกลับมาอ่านเองก็สนุกดี
ทำให้จำได้ว่าเราไปทำอะไรมาบ้าง เหมือนบันทึกความทรงจำ ^^




ก้าวแรก...

วันนี้ไปเจออจ.ที่ปรึกษา ที่ลงเรียน reading กับอจ.อ่ะแหละ
เมื่อวานไปส่งงานก่อน ซึ่งต้องส่งให้อจ.เอาไปอ่านล่วงหน้าก่อนที่จะมาเจอกัน
ไปส่งประมาณบ่ายสาม อิอิ เย็นเชียว แหะๆ
วันนี้บ่ายโมงก็ไปเจออจ. คุยเรื่องงานที่ส่งไปแหละ
(เจอทุกวันอังคาร อาทิตย์ละหนึ่งวัน)

สิ่งที่ส่งไปคือข้อมูลคร่าวๆ และประเด็นที่จะทำวิทยานิพนธ์
ร่วมทั้งงานที่ไปอ่านมา ส่วนใหญ่ก็เป็นวิทยานิพนธ์นั้นแล - - (ขี้เกียจอ่านนะ แต่เลี่ยงบ่ได้)
แล้วก็แคปรูปพื้นที่ศึกษาจาก Google earth ไปให้อจ.ดูคร่าวๆ

ที่คุยกับอจ.วันนี้ก็โอเคนะ สามารถทำได้
เฮ้อออ...ผ่านสักที หัวข้อและประเด็นที่จะทำ
คราวนี้ก็เริ่มเขียนที่มาและความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ คำถามวิจัย และนิยามศัพท์(ด้วยก็ได้)
อจ.ให้เวลาสองอาทิตย์ เพราะต้องอ่านข้อมูลเยอะ หนังสือทับตายแน่ แอ่กๆๆ เว่อร์ ฮ่าๆ
เราก็ต้องอ่านงานที่อจ.แนะนำมา หลายเล่มเลย พรุ่งนี้ค่อยไปยืม
วันนี้มารวบรวมก่อนว่าจะยืมอะไรบ้าง ที่ดูคงต้องไปยืมทั้งที่หอสมุดกลาง และที่คณะเศรษฐศาสตร์
มีหนังสืออ่านก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรอ่านเนอะ ไม่งั้นงานจะไม่เดิน

สู้ต่อไป นี่แค่เริ่มต้นนะเออ ^^

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พข. ^^

คิดถึง... ^^


คิดถึงจริงๆ เน้อ :D

ป.ล. ทวิตนี้นานแล้วแหละ ปีที่แล้ว แต่ชอบมาก รู้อีกว่าคิดถึง ^^"

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไส้กรอกคุณยาย

 วันนี้อจ.นัดคุยงานประมาณสี่โมงเย็น แต่กว่าจะได้คุยก็ห้าโมงครึ่ง
เราก็นั่งรอและเม้าท์มอยกับเพื่อนไป
ทีแรกนึกว่าจะไม่เจอ แล้วต้องนัดวันใหม่ซะแล้ว
แต่ยังดีที่อจ.มา มาแล้วอจ.ก็ต้องคุยงานวิจัยของตัวเองกับพี่ที่ทำงานด้วยก่อน
เราก็รอต่อไป ก็เข้าใจนะว่าอจ.งานยุ่ง ยุ่งจริงๆ เห็นแล้วเหนื่อยแทน
อจ.ก็ขยันจริงๆ ทำงานเยอะมากกกก
การเป็นอจ.มันเหนื่อยจริงๆ


กว่าจะคุยเสร็จก็ประมาณทุ่มครึ่ง
เพื่อนอยากกินไส้กรอกเลยชวนกันไปกิน
ร้านรถเข็นนี้จอดอยู่หน้าร้านมนต์นมสด ตรงนิมมานฯ
เราเคยกินแล้วครั้งนึง อร่อยดี เลยแนะนำเพื่อนมากิน เพราะเพื่อนยังไม่เคยกิน

ร้านไส้กรอกเป็นแบบรถเข็น

ร้านนี้คนเยอะมาก ต้องต่อคิวซื้อตลอด(ยกเว้นคนน้อยหรือไม่มีคนก็สั่งเลย)
ร้านจะมีบัตรคิวให้หยิบ ดีนะ เป็นระเบียบ
ใครมาก่อนหยิบก่อน ต่อคิวเดี๋ยวมีแซงคิวอีก
เราได้คิวที่หก ไม่นานก็ได้สั่งและได้ไส้กรอกมากินแย้ววว

คิวที่หก

ด้านหลังบัตรคิวเป็นเมนูไส้กรอกและราคา
อ่านออกมั้ยน้อ เอาคร่าวๆ นะ เป็นลูกเล็กๆ ลูกละ 2 บาท
ส่วนที่เป็นไม้ ไม้ละ 10 บาท
เรากับเพื่อนสั่งแบบเป็นไม้กัน ไส้กรอกวุ้นเส้นอร่อยสุดๆ
เรากินไปสองไม้ ^^

รายการไส้กรอก 

  ปิ้งเยอะมาก กินร้อนๆ อร่อยดี
ไส้กรอกร้านนี้ถูกใจใช่เลย ไม่แปลกใจที่คนต่อคิวกันเยอะมากๆ
เข้าใจแล้วว่าร้านไหนคนเยอะๆ และต้องต่อคิวนี่ เรื่องรสชาติไม่ผิดหวัง!!

ปิ้งกันไปเรื่อยๆ ขายดีตลอดๆ

ซื้อไส้กรอกแล้วไปนั่งกินร้านมนต์ เพราะร้านไส้กรอกเป็นรถเข็นไม่มีที่นั่ง
หลังจากกินไส้กรอกก็กินปังปิ้งและนมสดร้านมนต์ต่อ
วันนี้ไปกันสามคน กินปังปิ้งสามหน้าก็มีสังขยา นมเนย และช็อคโกแลต
นมสดคนละแก้ว อ่อ...เพื่อนอีกคนกินชาเขียว
อิ่มหน่ำสำราญกันไป กว่าจะกลับถึงห้องก็สามทุ่มพอดี โย่วว.. :D


ปิดท้าย... คิดถึงคนไกลแต่ไม่กล้าบอก ^^


วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ข้าวซอยแม่สาย

บ่ายนี้มีงานที่ต้องเอาไปส่งอจ.ที่ภาค เพื่อนนัดบ่ายสอง 
ตอนเที่ยงอยากกินข้าวซอย เลยชวนเพื่อนไปกินร้านประจำ ร้านนี้ก็อยู่ในซอยลึก
แต่ใกล้กว่าร้านส้มตำมาหน่อยนึงนะ ไปยากและซับซ้อนเช่นกัน
คนรู้จัก(คนเดิม)พาไปกินอีกเช่นกัน ไม่งั้นก็ไม่รู้หรอก

จานแรกที่ถูกยกมาเสิร์ฟ เครื่องเคียงข้าวซอย มีผักกาดดอง มะนาวและหอมซอย
ไปถึงร้านประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ทีแรกนึกว่าคนจะน้อยและซาๆ แล้วซะอีก
ที่ไหนได้คนยังเต็มร้านเลย ดีนะมีโต๊ะให้นั่ง
ก็สั่งข้าวซอยไก่กันไปเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้อด!! เพราะหมดแว้ว - -
ไรกันอ่ะ เพิ่งบ่ายเองนะ หมดเร็วจัง วันหลังคงต้องมาตั้งแต่สิบโมงแล้วมั้ง
เลยสั่งข้าวซอยเนื้อมาแทน ส่วนเพื่อนอีกคนไม่กินเนื้อก็เลยสั่งข้าวซอยหมูแทน
แต่่เป็นข้าวซอยหมูแดงซะงั้น - -" (เป็นหมูแดงของก๋วยเตี๋ยวแน่ๆ ดัดแปลงซ้าา..)

ข้าวซอยเนื้อค่า น่ากินมั้ย? ^^
พอกินเสร็จก็เรียกจ่ายตังค์ ทีแรกนึกว่าชามละสามสิบเหมือนเดิม
ที่ไหนได้ชามละ 35 บาท ขึ้นมาอีกห้าบาท สงสัยข้าวของแพงขึ้น เหตุผลที่เหมือนกันทุกร้าน
ก็เข้าใจนะ ไม่ได้โวยวายหรอก คนเราหากินก็ต้องอยากได้กำไร
ไม่งั้นก็อยู่ไม่ได้ ใครทำไปจะอยากเข้าเนื้อละเนอะ ^^

ช่วงนี้อากาศเชียงใหม่แปรปรวนทั้งวันอ่ะ
เที่ยงแดดเปรี้ยงๆ ฝนตกปรอยๆ ซะงั้น ปรอยสักพักก็แดดออกอีก
พอแดดสักพัก ฟ้าครึ้ม ฝนปรอยอีกรอบ เออ...ให้มันได้อย่างงี้สิ
ส่วนตอนเย็นๆ ฝนตกหนักทุกวัน
ตากผ้าก็ต้องรีบเก็บ ไม่งั้นฝนสาดเปียกอีก ไม่แห้งสักกะที

บล็อคนี้ขอจบลงด้วย... "คิดถึงคนที่ไม่คิดถึง" ToT

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กู

 เมื่อวานเพื่อนรุ่นพี่(เรียนรุ่นเดียวกัน แต่อายุมากกว่า คือซิ่วมาจากคณะอื่นน่ะ)
มาหาแฟนที่ชม. ซึ่งก็คือเพืิ่อนเรานะแหละ อิอิ งงมะ
ตอนเย็นก็เลยนัดไปกินข้าวกัน ก็ไปกินข้าวต้มย้งตรงแยกศูนย์ศิลป์
จากนั้นก็ไปต่อที่ร้านกู เป็นร้านโรตีตรงนิมมานฯ ซอยไหนหว่า ใกล้ธนค.ออมสินน่ะ
เยื้องๆ ร้านเล่า(เพิ่งเคยเห็น เป็นร้านหนังสือ เมื่อวานเค้ามีงานด้วย ครบรอบ 11 ปี)
แค่นั่งมองดูจากร้านกู คนเยอะดีนะ แต่ไม่ได้เข้าไป เพราะฝนตกด้วย
เลยนั่งจิ้มโรตีและจิบชาไป มองดูไปอยู่ห่างๆ
เห็นมีเล่นดนตรีด้วย ครึกครื้นดีนะ ^^

นี่คือสิ่งแรกที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟ เป็นชาร้อนๆ ชอบ :D
ดื่มไปหลายจอกเลยนะฮะ หอมดี ^^ (ฟรีด้วย)
ชากู ไม่ใช่ชามึง!!

 และนี่เป็นโรตีที่สั่งไป เป็นเซ็ทป๊อปปูล่า
เซ็ทนี้ก็มีสี่อย่าง ได้แก่ โรตีกรอบ โรตีทิชชู่ โรตีไข่+ไข่ และโรตีชีส(เยิ้มมากกก..)
นี่กินกันสี่คนเน้อ บ่ได้กินคนเดียว แต่กลับมาถึงห้องก็อืดมากนะ - -"
รสชาติก็โอเคนะ เราว่าก็ทั่วไป หรือสั่งเมนูไม่โดนไม่รู้
อ่อ...เซ็ทนี้ 119 บาทถ้วนจ้า
โรตีกู ไม่ใช่โรตีมึงเช่นกัน! ^^          

 

ถ่ายเมฆวันนี้ ก้อนบิ๊กเบิ้มอีกแล้ว แถวดอยสุเทพค้าบบบ
เห็นดอยมั้ยอยู่ไกลลิบๆ ^^"
เมฆก้อนใหญ่ๆ
เวลาคิดถึงใครหรือมีอะไรไม่สบายใจจะชอบมองท้องฟ้า
มันกว้างใหญ่ดี ไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรนะ แต่ชอบมอง แต่ถ้ามันครึ้มๆ ก็จะหดหู่ๆ
แต่ถ้ามันสวยก็จะยิ้ม มีความสุข อิอิ
ไม่รู้ใครเป็นเหมือนกันรึเปล่านะ :)

เริ่มด้วยของกินจบด้วยเมฆ เข้ากันไหม? 

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อยากเรียนจบแล้ว!!!

ไม่กี่วันเพิ่งบ่นเรื่องอจ.ที่ปรึกษา (จะบาปมั้ยเนี่ยตรู!!)
แล้วก็เรื่องทำวิทยานิพนธ์ งืออออออออออออ... คิดแล้วเวียนเฮด
วันนี้เกิดความคิดหนึ่งแวปเข้ามาคือ อยากเรียนจบแล้ววววว
มานั่งคิด ยืนคิด นอนคิด ชีวิตเราโคตรจะเป็นสเตป แล้วก็เป๊ะมาก
เกิดมาเข้าโรงเรียนศูนย์(เด็กเล็ก) ตอนนี้เค้าเรียกเตรียมอนุบาลป่ะ นั่นแหละ
จากนั้นก็เข้าอนุบาล 1-2 => เรียน ป.1-6 => เรียน ม.1-6 => เรียนมหาลัย 1-4

พอจบมหาลัยคนส่วนใหญ่ก็จะทำงานกัน แต่เรายังอยาก(หลังจบป.ตรี)เรียนต่อ!!
ดูเป็นคนขยันเนาะ ก็ตอนจะจบป.ตรีรู้สึกว่าตัวเองยังมีความรู้ไม่พอที่จะไปทำงานนะ
(ที่จริงเราไม่ได้เป็นคนขยันนะ เป็นคนขี้เกียจมากด้วย ถามเพื่อนที่สนิทจะรู้เลย
วันๆ เอาแต่นอน ตื่นมากิน ดูทีวี เล่นเน็ต สบายเกิ๊น.. ที่ผ่านๆ มานี่
คือเป็นคนเอาตัวรอดเก่ง ใครให้ทำไรก็ทำนะ ไม่เคยเบี้ยวหรือไม่ส่งงาน ^^
ตอนป.ตรีใครมีงานไรให้ทำ ทำหมด ถ้าได้ตังค์ ฮ่าๆๆ หน้าเงินและงกนั่นเอง!!)
เลยขอพ่อแม่เรียนต่อ พ่อแม่ก็ให้เรียน แล้วก็ไปสอบเรียนต่อ โอเคสอบได้ เรียน!!

พอเริ่มเรียนผ่านไปหนึ่งปี(ป.โท) เริ่มรู้สึกอยากทำงานขึ้นมา ทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ
ถ้าอจ.ที่ปรึกษารู้นะ เค้าคงบอกว่า "ถ้าอยากทำงาน เธอต้องขยันกว่านี้
จะได้เรียนจบเร็วๆ ซึ่งเธอก็ต้องเร่งทำวิทยานิพนธ์ซะ!!"
แล้วที่สำคัญอจ.เค้าไม่อยากให้ทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย
เค้าเคยบอกว่าจะทำไรก็เลือกสักอย่าง!!!!
แน่นอนว่าอยากทำงานก็ต้องเรียนให้จบ ไม่ใช่จะมาทำไรพร้อมๆ กัน.. ค่าาาา

ชีวิตเป็นสเตปที่ว่าของเรายังไม่หมดนะ
เรียนจบ => ทำงาน => ซื้อบ้าน ซื้อรถ => แต่งงาน, มีลูก => ...
นี่มันเป็นวงจรที่คนส่วนใหญ่น่าจะเป็นกัน เราว่าเราคงหนีไม่พ้น..
แต่ไม่อยากแต่งงานอ่ะ (ไม่อยาก ไม่ใช่ไม่แต่งนะ 55555 พูดเผื่อไว้ก่อน เผื่อวันดีคืนดีได้แต่ง!)
แต่เรากลับพบว่าสมัยนี้ก็มีคนจำนวนไม่น้อยนะที่ไม่แต่งงาน!!
คนใกล้ตัวก็มีไม่น้อย และคนที่รู้จักก็มีมากพอควร
เรื่องนี้ค่อยคิดเป็นเรื่องของอนาคตเนอะ ^^

มาลุ้นกันเถอะว่าเมื่อไหร่เราจะเรียนจบ
เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคร้าบบบบ... แต่ตอนนี้ควรจะไปเริ่มโครงร่างแกก่อนเถอะ!!

ป.ล. ได้บ่น ได้เขียน แล้วสบายใจจัง ใครมาแอบอ่านบ้างไม่รู้นะ บางทีก็ไร้สาระจริงๆ >_<


วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ในวันที่ล้า

ถ้าความเหนื่อยยากและอุปสรรคอันแสนลำบากที่เราต้องเจอนั้น 
จะทำให้เราเข็มแข็งและเป็นคนที่ใช้การได้มากขึ้น ก็ขอให้สู้ต่อไปนะครับ :) via @boydtui
 ........................
 เมื่อเช้าอ่านเจอข้อความข้างบนนี้จากทวิตเตอร์
เป็นข้อความที่ถือเป็นกำลังใจที่ดีมากนะ
ตอนนี้กำลังเหนื่อยล้าและคิดมาก รวมทั้งเป็นกังวลกับการเริ่มทำโครงร่างวิทยานิพนธ์
รวมทั้งการมีอจ.ที่ปรึกษาที่ค่อนข้างจะซีเรียสมากกกกก
เราเป็นเด็กที่อยู่ในความดูแลของเค้าก็ต้องตั้งใจและขยันให้มากๆๆๆๆ
 (เจอทุกคนก็จะบอกอย่างนี้เมื่อรู้ว่าเรามีอจ.คนนี้เป็นที่ปรึกษา)
 เหมือนอยู่ในภาวะกดดันตลอดเวลานะ
จะกิน จะนอน จะเดินก็คิดแต่เรื่องนี้ 
พูดกับเพื่อนเล่นๆ ว่า "ตัวเองเริ่มจะเป็นโรคจิตอ่อนๆ ละ" คือกังวลอ่ะ
เวลาไปเจออจ.แต่ละทีต้องเตรียมตัวและไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง
อยู่ในภาวะเสี่ยง!!!!! T^T
 กว่าจะผ่านสภาวะนี้สองปีแน่ๆ นี่เป็นการเริ่มต้นปีแรกนะ
เริ่มต้นซะดีเชียววววว เหร๊ออออ ไม่อ่ะเซ้ะะะะ T______________T
สู้ต่อไปโว๊ยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เปิดเทอม

 ขึ้นสู่ปีที่สองอย่างเต็มขั้น
เทอมนี้ลงทะเบียนเรียนตัวนึง เป็นตัว Reading 
ตัวนี้ก็ประมาณว่าเตรียมทำโครงร่างแบบย่อมๆ อาจจะยังไม่สมบูรณ์มาก
แต่ก็คงสามารถพัฒนาไปเป็นโครงร่างฉบับเต็มได้ในอนาคต
กว่าจะถึงขั้นนั้นต้องเริ่มต้นให้ได้ก่อนนะจ๊ะตัวเอง

พรุ่งนี้ต้องไปสมัครสอบอิ๊งค์ป.โทที่ศูนย์ภาษา
ซึ่งป.โททุกคนต้องสอบให้ผ่านก่อนถึงจะได้สอบโครงร่างวิทยานิพนธ์
หกสิบเปอร์เซนต์ถึงจะผ่าน เราจะรอดมั้ยเนี่ย
อิ๊งค์ยิ่งเก่งๆ อยู่ (เหรอ?? ไม่ฮะ 55555)
ใครที่สอบไม่ผ่านก็สามารถสอบอีกจนกว่าจะผ่าน
ส่วนใครที่สอบไม่ผ่านแล้วไม่อยากสอบอีก
ก็สามารถลงเรียน แล้วก็จะผ่าน คอร์สหนึ่งเรียนกี่ครั้งไม่รู้นะ
แต่เห็นรุ่นพี่ไปเรียนเยอะอยู่เหมือนกัน ฮ่าๆ

รุ่นพี่ก็ให้กำลังใจดีมาก เราเด็กอักษรซะอย่างกลัวอะไร
กลัวจิพี่ เด็กอักษรก็อักษรโง่อิ๊งค์ ฮ่าๆๆ

ผ่านไม่ผ่าน ไม่เกินเดือนนี้รู้กัน!! >__<
fighto fighto

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ส้มตำบัตรคิว

ส้มตำปูปลาร้า    

เมื่อวานไปกินส้มตำกับเพื่อนมา
ไปสองคนหมดไปสองจาน และน่องไก่ย่างอีกสี่ไม้
เรากินข้าวเหนียวด้วยหนึ่งห่อ กินแล้วแน่นได้ที่เลย ข้าวเหนียวไม่เคยทำให้ผิดหวัง!!
เยอะไปไหม?? ฮ่าๆๆ

อยากจะบอกว่าส้มตำร้านนี้เริ่ดมาก
กินครั้งแรกก็ติดใจเลย
อร่อยที่สุดในเชียงใหม่ละ เริ่ดจริงๆ
ปลาร้าก็ไม่ได้เหม็นมาก เนื้อมะละกอก็กรอบๆ ไม่เหี่ยว ไม่เละ
รสชาติกลมกล่อม ฮ่าๆ

รูปได้มารูปเดียวนี่แหละ เพราะสนใจการกิน
ไก่ย่างก็อร่อยนะ เนื้อนุ่ม หนังกรอบ ร้อนๆ แต่ไม่ได้ถ่ายมา
ก็ไปกินกับเพื่อนประจำนะ
คิดไรไม่ออกก็ "ป่ะๆๆ ส้มตำบัตรคิว"
แม้จะไกลจากหลังมอไปหน่อยก็ไป เพราะความแซ่บ!!!!

ร้านก็ลึกลับมากนะ อยู่ในตรอกซอกซอย ไปยาก 
ถ้าไม่ใช่คนที่นี่จริงๆ ก็คงไม่ได้กิน ที่รู้จักเพราะคนเชียงใหม่พาไปกิน
หลังจากนั้นก็พากันไปกินตลอด

มีครั้งนึงส่งรูปไปให้พม.ดู พม.กรี๊ดเลยเพราะเค้าชอบส้มตำปูปลาร้าเหมือนกัน
ทีแรกนึกว่าจะตอบอย่างอื่น แต่นี่กรี๊ดกลับมา 55555


(^_______________^)