วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สิงหาคม

ช่วงนี้ยุ่งๆ อ่ะ งานเยอะมาก ไม่ค่อยมีเวลามาเวิ่นเว้อเลย
แต่อย่างอื่นก็ยังโลดแล่นอยู่ตามปกติ งานตอนนี้ก็คืบหน้าไปบ้างแล้วนะ
ช่วงนี้ก็ยังต้องทำต่อไป หัวข้อและประเด็น เริ่มโอเคแล้ว
ทีนี้ก็เหลือในส่วนของแนวคิด การทบทวนวรรณกรรม กรอบแนวคิดและระเบียบวิธีวิจัย
ซึ่งเป็นส่วนที่ค่อนข้างยากเหมือนกัน ต้องอ่านโน้นนี่เยอะแยะไปหมด

หัวข้อและประเด็นที่ศึกษาเมื่อคิดดูคร่าวๆ ก็ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนกว่าจะเข้าที่
ตอนนี้เข้าสู่เดือนสิงหาคมก็กำลังทำในส่วนที่ว่าไปข้างบน
เดือนนี้ก็จะพยายามทำในส่วนแนวคิดและทบทวนวรรณกรรมให้เสร็จ
เดือนหน้าจะได้เริ่มทำกรอบแนวคิดและระเบียบวิธีวิจัย
เดือนหน้าจะยากก็คงตรงกรอบแนวคิดนี่แหละ ส่วนระเบียบวิธีวิจัยอาทิตย์เดียวน่าจะเสร็จ(รุ่นพี่บอกมา)

ช่วงนี้เสาร์-อาทิตย์ก็ไปเรียนอิ๊งค์
เรียนจนถึงอาทิตย์แรกของเดือนหน้า เรียนก็สนุกดีนะ
อจ.พอลแกตลกดี ชอบให้คุย ให้ถาม ไม่ชอบให้เงียบ เฟรนลี่ดี 

พอก่อน เดี๋ยวมาเขียนใหม่ ต้องไปทำงานแล้ว

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เดือนที่เจ็ดของปี

เดือนนี้งานเยอะ สุมหัวกันเลยทีเดียว
แต่ก็ยังมีเวลาทำโน้นนี่นั่นนะ แค่ไม่มีเวลามาเขียนบล็อค ส่วนทวิตก็ยังทวิตกระจายเหมือนเดิม
ง่ายดี สะดวก บอกกล่าวได้ตลอดเวลาด้วยข้อความสั้นๆ

เรียน reading ก็อ่านกระจายฮะพี่น้อง
หนังสือที่ไปยืมมาจากหอสมุดแต่ละรอบแทบจะทับตัวเอง
เล่มจะใหญ่ไปไหน?? วิทยานิพนธ์ไม่ต้องพูดถึง ใหญ๋ยิ่ง แต่ดีหน่อยที่ไม่ต้องแบก
เพราะโหลดเป็นไฟล์ pdf ผ่านเน็ต แต่ลำบากเวลาอ่าน ต้องมานั่งจ้องจอ 
จ้องนานๆ ก็ปวดตา พาลให้ขี้เกียจอ่าน แฮะๆ

อจ.ที่ปรึกษาช่วงนี้ดูแกเบาๆ นะ ไม่โหดร้ายและค่อนขอดเหมือนช่วงแรกๆ
หรือว่าเราชินหว่า ฮ่าๆ โดนด่าบ่อยแล้วเริ่มชิน?? ^^"
ไงอจ.ก็เป็นคนเก่งอ่ะ นับถือ ชูฮก เราแค่นศ.ผู้น้อย
ต้องเคารพและยังต้องพึ่งพาอจ.อีกเยอะ เชื่อฟังต่อไปนะหนู :D

สองอาทิตย์ถัดไปของเดือนนี้ขออจ.กลับบ้านไปทำภารกิจหลายสิ่งอย่าง
ไม่รู้ผลจะเป็นไง แต่ขอให้ผ่านอีกทีเถอะ สาธุ
ความรู้ที่สะสมมาคงจะพอช่วยได้บ้างนะ ถ้าผ่านรอบนี้รอบต่อไปก็น่าจะไม่ยากนาา
แล้วเราก็จะเข้าสู่ระบบนั้นอย่างเต็มตัว (คิดล่วงหน้าเกิ๊นนะแก!! 55555)
แต่ถ้าไม่ผ่านก็จะไม่เสียใจ มันยังมีอีกหลายหนทาง
ไม่ได้มีแค่ทางเส้นนี้เส้นเดียวสักหน่อย ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป ^^


วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มองบลังค์

(ลงรูปก่อนเดี๋ยวมาเล่า รูปเยอะ เรื่องน่าจะยาว ฮาาา)

24/6/2554

มาแว้ววว... ช่วงนี้งานมะรุมมะตุ้ม(ใช้คำถูกเปล่าไม่รู้นะ ขี้เกียจเปิดพจนานุกรม งุงิ)
เล่าเรื่องจากภาพละกัน ^^
 แอบไปกินเค้กกับเพื่อนที่มองบลังค์ ที่ใช้คำว่าแอบ เพราะอจ.บอกว่าถ้าไปชวนด้วย
แต่นี่ไปกันแล้วไม่ได้ชวน สมาชิกยังไม่ครบสี่ เลยไม่ได้ชวน
ต้องให้สมาชิกครบทีมก่อน ถึงจะชวนได้
เพื่อนอีกคนหายไปเที่ยวเล่นเมืองกรุงน่ะ ^^"
ตอนนี้ก็ครบแล้วแหละ แต่รอจังหวะ เวลา และโอกาสก่อน ค่อยชวน

เค้กที่เห็นชิ้นแรกคือทริปเปิ้ลช็อคโกแลต
เพื่อนเลือกมา อร่อยดี หน้าตาดีไม่แพ้รสชาติ
ชอบป้ายชื่อร้านที่ปักบนเค้ก

ทริปเปิ้ลช็อคโกแลต

อันนี้... อ้าว เหมือนกัน! ถ่ายซ้ำ งั้นดูรูปเพลินๆ ฮ่าๆ

รูปซ้ำ อิอิ

เค้กที่เห็นชิ้นที่สองมีพี่ที่ไปกินก่อนแนะนำว่าชิ้นนี้ไม่ควรพลาด เพราะอร่อยมาก
พอไปที่ร้านก็มองหาชิ้นนี้ก่อนเลย
พอสั่งมาแล้วกิน โอเคไม่ผิดหวัง เริ่ดค่าาา :D

ดาร์กช็อคโกแลตเค้ก

เค้กชิ้นสุดท้ายอันนี้ของเพื่อนเลือก
เป็นเนื้อมะม่วงนะ เปรี้ยวๆ อร่อยดี

 
ซัมเมอร์เลิฟเวอร์...

เหมือนกันอีกแล้ว
รูปซ้ำ ดูเล่นๆ อีก

รวมๆ ไปกันสามคน ก็สามชิ้นพอ เยอะไปเดี๋ยวอ้วน ^^!

เมื่อสามชิ้นมาอยู่รวมกัน


อ้าววว...นี่ก็ซ้ำ วะฮ่าๆ

ดีวีดีพี่รุจเพิ่งออกเดือนนี้แรก ไปสอยมาแล้ว
ซึ่งซีดีเขียนไปแล้วในบล็อคแรก ย้อนอ่านดูได้จ้ะ => Romantic RUJ
ตอนนี้ราคาดีวีดีกับวีดีโอก็ไม่ต่างกันมากนะ เลยซื้อดีวีดีมาเลย เพราะไงก็คุ้มกว่า
ซื้อมาก็นั่งดูหน้าพี่รุจเพลินๆ เพลงก็เพราะ อิอิ...

ดีวีดี Romantic Ruj

นิตยสารรายเดือน รายปักษ์ที่ซื้อตามคนที่ลงในเล่ม
ไม่ลงเราไม่ซื้อ ถ้าลงเราก็ต้องไปสอยมา 5555
ดีที่เดือนนี้ลงน้อยหน่อยสองเล่ม เดือนก่อนสี่เล่ม จะหมดตัว ฮอตจริงไรจริงนะคุณพี่!!
เดือนนี้ก็มีอินกับแมรี่แคลร์

In Magazine + Marie Claire

นี่เป็นขนมที่เพิ่งเคยกินครั้งแรก คือขนมไหมฟ้า
ไปเจอที่งานขายผลไม้ที่ประตูท่าแพ
กล่องละ 40 บาท ข้างนเป็นซีเรียล กรอบๆ
เอามาแช่ตู้เย็นอร่อยดี กรอบๆ ^^

ขนมไหมฟ้า
บล็อคนี้เล่าเรื่องจากภาพ สัพเพเหระนะ
อย่าหวังสาระ 55555
ตอนพิมพืไปก็ยังขี้เกียจนะ กรูไม่น่าเอารูปมาลงก่อนเลย
เป็นการบังคับตัวเองให้เขียนบล้อคเฉยเลย
ปกติจะเขียนเมื่ออยากเขียน
แต่บล็อคนี้รู้สึกเหมือนโดนบังคับกรายๆ ฮ่าๆ
แต่ก็สนุกทุกครั้งเมื่อได้เขียนนะ ได้บอก ได้เล่า
บางทีกลับมาอ่านเองก็สนุกดี
ทำให้จำได้ว่าเราไปทำอะไรมาบ้าง เหมือนบันทึกความทรงจำ ^^




ก้าวแรก...

วันนี้ไปเจออจ.ที่ปรึกษา ที่ลงเรียน reading กับอจ.อ่ะแหละ
เมื่อวานไปส่งงานก่อน ซึ่งต้องส่งให้อจ.เอาไปอ่านล่วงหน้าก่อนที่จะมาเจอกัน
ไปส่งประมาณบ่ายสาม อิอิ เย็นเชียว แหะๆ
วันนี้บ่ายโมงก็ไปเจออจ. คุยเรื่องงานที่ส่งไปแหละ
(เจอทุกวันอังคาร อาทิตย์ละหนึ่งวัน)

สิ่งที่ส่งไปคือข้อมูลคร่าวๆ และประเด็นที่จะทำวิทยานิพนธ์
ร่วมทั้งงานที่ไปอ่านมา ส่วนใหญ่ก็เป็นวิทยานิพนธ์นั้นแล - - (ขี้เกียจอ่านนะ แต่เลี่ยงบ่ได้)
แล้วก็แคปรูปพื้นที่ศึกษาจาก Google earth ไปให้อจ.ดูคร่าวๆ

ที่คุยกับอจ.วันนี้ก็โอเคนะ สามารถทำได้
เฮ้อออ...ผ่านสักที หัวข้อและประเด็นที่จะทำ
คราวนี้ก็เริ่มเขียนที่มาและความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ คำถามวิจัย และนิยามศัพท์(ด้วยก็ได้)
อจ.ให้เวลาสองอาทิตย์ เพราะต้องอ่านข้อมูลเยอะ หนังสือทับตายแน่ แอ่กๆๆ เว่อร์ ฮ่าๆ
เราก็ต้องอ่านงานที่อจ.แนะนำมา หลายเล่มเลย พรุ่งนี้ค่อยไปยืม
วันนี้มารวบรวมก่อนว่าจะยืมอะไรบ้าง ที่ดูคงต้องไปยืมทั้งที่หอสมุดกลาง และที่คณะเศรษฐศาสตร์
มีหนังสืออ่านก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรอ่านเนอะ ไม่งั้นงานจะไม่เดิน

สู้ต่อไป นี่แค่เริ่มต้นนะเออ ^^

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พข. ^^

คิดถึง... ^^


คิดถึงจริงๆ เน้อ :D

ป.ล. ทวิตนี้นานแล้วแหละ ปีที่แล้ว แต่ชอบมาก รู้อีกว่าคิดถึง ^^"

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไส้กรอกคุณยาย

 วันนี้อจ.นัดคุยงานประมาณสี่โมงเย็น แต่กว่าจะได้คุยก็ห้าโมงครึ่ง
เราก็นั่งรอและเม้าท์มอยกับเพื่อนไป
ทีแรกนึกว่าจะไม่เจอ แล้วต้องนัดวันใหม่ซะแล้ว
แต่ยังดีที่อจ.มา มาแล้วอจ.ก็ต้องคุยงานวิจัยของตัวเองกับพี่ที่ทำงานด้วยก่อน
เราก็รอต่อไป ก็เข้าใจนะว่าอจ.งานยุ่ง ยุ่งจริงๆ เห็นแล้วเหนื่อยแทน
อจ.ก็ขยันจริงๆ ทำงานเยอะมากกกก
การเป็นอจ.มันเหนื่อยจริงๆ


กว่าจะคุยเสร็จก็ประมาณทุ่มครึ่ง
เพื่อนอยากกินไส้กรอกเลยชวนกันไปกิน
ร้านรถเข็นนี้จอดอยู่หน้าร้านมนต์นมสด ตรงนิมมานฯ
เราเคยกินแล้วครั้งนึง อร่อยดี เลยแนะนำเพื่อนมากิน เพราะเพื่อนยังไม่เคยกิน

ร้านไส้กรอกเป็นแบบรถเข็น

ร้านนี้คนเยอะมาก ต้องต่อคิวซื้อตลอด(ยกเว้นคนน้อยหรือไม่มีคนก็สั่งเลย)
ร้านจะมีบัตรคิวให้หยิบ ดีนะ เป็นระเบียบ
ใครมาก่อนหยิบก่อน ต่อคิวเดี๋ยวมีแซงคิวอีก
เราได้คิวที่หก ไม่นานก็ได้สั่งและได้ไส้กรอกมากินแย้ววว

คิวที่หก

ด้านหลังบัตรคิวเป็นเมนูไส้กรอกและราคา
อ่านออกมั้ยน้อ เอาคร่าวๆ นะ เป็นลูกเล็กๆ ลูกละ 2 บาท
ส่วนที่เป็นไม้ ไม้ละ 10 บาท
เรากับเพื่อนสั่งแบบเป็นไม้กัน ไส้กรอกวุ้นเส้นอร่อยสุดๆ
เรากินไปสองไม้ ^^

รายการไส้กรอก 

  ปิ้งเยอะมาก กินร้อนๆ อร่อยดี
ไส้กรอกร้านนี้ถูกใจใช่เลย ไม่แปลกใจที่คนต่อคิวกันเยอะมากๆ
เข้าใจแล้วว่าร้านไหนคนเยอะๆ และต้องต่อคิวนี่ เรื่องรสชาติไม่ผิดหวัง!!

ปิ้งกันไปเรื่อยๆ ขายดีตลอดๆ

ซื้อไส้กรอกแล้วไปนั่งกินร้านมนต์ เพราะร้านไส้กรอกเป็นรถเข็นไม่มีที่นั่ง
หลังจากกินไส้กรอกก็กินปังปิ้งและนมสดร้านมนต์ต่อ
วันนี้ไปกันสามคน กินปังปิ้งสามหน้าก็มีสังขยา นมเนย และช็อคโกแลต
นมสดคนละแก้ว อ่อ...เพื่อนอีกคนกินชาเขียว
อิ่มหน่ำสำราญกันไป กว่าจะกลับถึงห้องก็สามทุ่มพอดี โย่วว.. :D


ปิดท้าย... คิดถึงคนไกลแต่ไม่กล้าบอก ^^


วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ข้าวซอยแม่สาย

บ่ายนี้มีงานที่ต้องเอาไปส่งอจ.ที่ภาค เพื่อนนัดบ่ายสอง 
ตอนเที่ยงอยากกินข้าวซอย เลยชวนเพื่อนไปกินร้านประจำ ร้านนี้ก็อยู่ในซอยลึก
แต่ใกล้กว่าร้านส้มตำมาหน่อยนึงนะ ไปยากและซับซ้อนเช่นกัน
คนรู้จัก(คนเดิม)พาไปกินอีกเช่นกัน ไม่งั้นก็ไม่รู้หรอก

จานแรกที่ถูกยกมาเสิร์ฟ เครื่องเคียงข้าวซอย มีผักกาดดอง มะนาวและหอมซอย
ไปถึงร้านประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ทีแรกนึกว่าคนจะน้อยและซาๆ แล้วซะอีก
ที่ไหนได้คนยังเต็มร้านเลย ดีนะมีโต๊ะให้นั่ง
ก็สั่งข้าวซอยไก่กันไปเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้อด!! เพราะหมดแว้ว - -
ไรกันอ่ะ เพิ่งบ่ายเองนะ หมดเร็วจัง วันหลังคงต้องมาตั้งแต่สิบโมงแล้วมั้ง
เลยสั่งข้าวซอยเนื้อมาแทน ส่วนเพื่อนอีกคนไม่กินเนื้อก็เลยสั่งข้าวซอยหมูแทน
แต่่เป็นข้าวซอยหมูแดงซะงั้น - -" (เป็นหมูแดงของก๋วยเตี๋ยวแน่ๆ ดัดแปลงซ้าา..)

ข้าวซอยเนื้อค่า น่ากินมั้ย? ^^
พอกินเสร็จก็เรียกจ่ายตังค์ ทีแรกนึกว่าชามละสามสิบเหมือนเดิม
ที่ไหนได้ชามละ 35 บาท ขึ้นมาอีกห้าบาท สงสัยข้าวของแพงขึ้น เหตุผลที่เหมือนกันทุกร้าน
ก็เข้าใจนะ ไม่ได้โวยวายหรอก คนเราหากินก็ต้องอยากได้กำไร
ไม่งั้นก็อยู่ไม่ได้ ใครทำไปจะอยากเข้าเนื้อละเนอะ ^^

ช่วงนี้อากาศเชียงใหม่แปรปรวนทั้งวันอ่ะ
เที่ยงแดดเปรี้ยงๆ ฝนตกปรอยๆ ซะงั้น ปรอยสักพักก็แดดออกอีก
พอแดดสักพัก ฟ้าครึ้ม ฝนปรอยอีกรอบ เออ...ให้มันได้อย่างงี้สิ
ส่วนตอนเย็นๆ ฝนตกหนักทุกวัน
ตากผ้าก็ต้องรีบเก็บ ไม่งั้นฝนสาดเปียกอีก ไม่แห้งสักกะที

บล็อคนี้ขอจบลงด้วย... "คิดถึงคนที่ไม่คิดถึง" ToT

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กู

 เมื่อวานเพื่อนรุ่นพี่(เรียนรุ่นเดียวกัน แต่อายุมากกว่า คือซิ่วมาจากคณะอื่นน่ะ)
มาหาแฟนที่ชม. ซึ่งก็คือเพืิ่อนเรานะแหละ อิอิ งงมะ
ตอนเย็นก็เลยนัดไปกินข้าวกัน ก็ไปกินข้าวต้มย้งตรงแยกศูนย์ศิลป์
จากนั้นก็ไปต่อที่ร้านกู เป็นร้านโรตีตรงนิมมานฯ ซอยไหนหว่า ใกล้ธนค.ออมสินน่ะ
เยื้องๆ ร้านเล่า(เพิ่งเคยเห็น เป็นร้านหนังสือ เมื่อวานเค้ามีงานด้วย ครบรอบ 11 ปี)
แค่นั่งมองดูจากร้านกู คนเยอะดีนะ แต่ไม่ได้เข้าไป เพราะฝนตกด้วย
เลยนั่งจิ้มโรตีและจิบชาไป มองดูไปอยู่ห่างๆ
เห็นมีเล่นดนตรีด้วย ครึกครื้นดีนะ ^^

นี่คือสิ่งแรกที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟ เป็นชาร้อนๆ ชอบ :D
ดื่มไปหลายจอกเลยนะฮะ หอมดี ^^ (ฟรีด้วย)
ชากู ไม่ใช่ชามึง!!

 และนี่เป็นโรตีที่สั่งไป เป็นเซ็ทป๊อปปูล่า
เซ็ทนี้ก็มีสี่อย่าง ได้แก่ โรตีกรอบ โรตีทิชชู่ โรตีไข่+ไข่ และโรตีชีส(เยิ้มมากกก..)
นี่กินกันสี่คนเน้อ บ่ได้กินคนเดียว แต่กลับมาถึงห้องก็อืดมากนะ - -"
รสชาติก็โอเคนะ เราว่าก็ทั่วไป หรือสั่งเมนูไม่โดนไม่รู้
อ่อ...เซ็ทนี้ 119 บาทถ้วนจ้า
โรตีกู ไม่ใช่โรตีมึงเช่นกัน! ^^          

 

ถ่ายเมฆวันนี้ ก้อนบิ๊กเบิ้มอีกแล้ว แถวดอยสุเทพค้าบบบ
เห็นดอยมั้ยอยู่ไกลลิบๆ ^^"
เมฆก้อนใหญ่ๆ
เวลาคิดถึงใครหรือมีอะไรไม่สบายใจจะชอบมองท้องฟ้า
มันกว้างใหญ่ดี ไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรนะ แต่ชอบมอง แต่ถ้ามันครึ้มๆ ก็จะหดหู่ๆ
แต่ถ้ามันสวยก็จะยิ้ม มีความสุข อิอิ
ไม่รู้ใครเป็นเหมือนกันรึเปล่านะ :)

เริ่มด้วยของกินจบด้วยเมฆ เข้ากันไหม? 

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อยากเรียนจบแล้ว!!!

ไม่กี่วันเพิ่งบ่นเรื่องอจ.ที่ปรึกษา (จะบาปมั้ยเนี่ยตรู!!)
แล้วก็เรื่องทำวิทยานิพนธ์ งืออออออออออออ... คิดแล้วเวียนเฮด
วันนี้เกิดความคิดหนึ่งแวปเข้ามาคือ อยากเรียนจบแล้ววววว
มานั่งคิด ยืนคิด นอนคิด ชีวิตเราโคตรจะเป็นสเตป แล้วก็เป๊ะมาก
เกิดมาเข้าโรงเรียนศูนย์(เด็กเล็ก) ตอนนี้เค้าเรียกเตรียมอนุบาลป่ะ นั่นแหละ
จากนั้นก็เข้าอนุบาล 1-2 => เรียน ป.1-6 => เรียน ม.1-6 => เรียนมหาลัย 1-4

พอจบมหาลัยคนส่วนใหญ่ก็จะทำงานกัน แต่เรายังอยาก(หลังจบป.ตรี)เรียนต่อ!!
ดูเป็นคนขยันเนาะ ก็ตอนจะจบป.ตรีรู้สึกว่าตัวเองยังมีความรู้ไม่พอที่จะไปทำงานนะ
(ที่จริงเราไม่ได้เป็นคนขยันนะ เป็นคนขี้เกียจมากด้วย ถามเพื่อนที่สนิทจะรู้เลย
วันๆ เอาแต่นอน ตื่นมากิน ดูทีวี เล่นเน็ต สบายเกิ๊น.. ที่ผ่านๆ มานี่
คือเป็นคนเอาตัวรอดเก่ง ใครให้ทำไรก็ทำนะ ไม่เคยเบี้ยวหรือไม่ส่งงาน ^^
ตอนป.ตรีใครมีงานไรให้ทำ ทำหมด ถ้าได้ตังค์ ฮ่าๆๆ หน้าเงินและงกนั่นเอง!!)
เลยขอพ่อแม่เรียนต่อ พ่อแม่ก็ให้เรียน แล้วก็ไปสอบเรียนต่อ โอเคสอบได้ เรียน!!

พอเริ่มเรียนผ่านไปหนึ่งปี(ป.โท) เริ่มรู้สึกอยากทำงานขึ้นมา ทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ
ถ้าอจ.ที่ปรึกษารู้นะ เค้าคงบอกว่า "ถ้าอยากทำงาน เธอต้องขยันกว่านี้
จะได้เรียนจบเร็วๆ ซึ่งเธอก็ต้องเร่งทำวิทยานิพนธ์ซะ!!"
แล้วที่สำคัญอจ.เค้าไม่อยากให้ทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย
เค้าเคยบอกว่าจะทำไรก็เลือกสักอย่าง!!!!
แน่นอนว่าอยากทำงานก็ต้องเรียนให้จบ ไม่ใช่จะมาทำไรพร้อมๆ กัน.. ค่าาาา

ชีวิตเป็นสเตปที่ว่าของเรายังไม่หมดนะ
เรียนจบ => ทำงาน => ซื้อบ้าน ซื้อรถ => แต่งงาน, มีลูก => ...
นี่มันเป็นวงจรที่คนส่วนใหญ่น่าจะเป็นกัน เราว่าเราคงหนีไม่พ้น..
แต่ไม่อยากแต่งงานอ่ะ (ไม่อยาก ไม่ใช่ไม่แต่งนะ 55555 พูดเผื่อไว้ก่อน เผื่อวันดีคืนดีได้แต่ง!)
แต่เรากลับพบว่าสมัยนี้ก็มีคนจำนวนไม่น้อยนะที่ไม่แต่งงาน!!
คนใกล้ตัวก็มีไม่น้อย และคนที่รู้จักก็มีมากพอควร
เรื่องนี้ค่อยคิดเป็นเรื่องของอนาคตเนอะ ^^

มาลุ้นกันเถอะว่าเมื่อไหร่เราจะเรียนจบ
เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคร้าบบบบ... แต่ตอนนี้ควรจะไปเริ่มโครงร่างแกก่อนเถอะ!!

ป.ล. ได้บ่น ได้เขียน แล้วสบายใจจัง ใครมาแอบอ่านบ้างไม่รู้นะ บางทีก็ไร้สาระจริงๆ >_<


วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ในวันที่ล้า

ถ้าความเหนื่อยยากและอุปสรรคอันแสนลำบากที่เราต้องเจอนั้น 
จะทำให้เราเข็มแข็งและเป็นคนที่ใช้การได้มากขึ้น ก็ขอให้สู้ต่อไปนะครับ :) via @boydtui
 ........................
 เมื่อเช้าอ่านเจอข้อความข้างบนนี้จากทวิตเตอร์
เป็นข้อความที่ถือเป็นกำลังใจที่ดีมากนะ
ตอนนี้กำลังเหนื่อยล้าและคิดมาก รวมทั้งเป็นกังวลกับการเริ่มทำโครงร่างวิทยานิพนธ์
รวมทั้งการมีอจ.ที่ปรึกษาที่ค่อนข้างจะซีเรียสมากกกกก
เราเป็นเด็กที่อยู่ในความดูแลของเค้าก็ต้องตั้งใจและขยันให้มากๆๆๆๆ
 (เจอทุกคนก็จะบอกอย่างนี้เมื่อรู้ว่าเรามีอจ.คนนี้เป็นที่ปรึกษา)
 เหมือนอยู่ในภาวะกดดันตลอดเวลานะ
จะกิน จะนอน จะเดินก็คิดแต่เรื่องนี้ 
พูดกับเพื่อนเล่นๆ ว่า "ตัวเองเริ่มจะเป็นโรคจิตอ่อนๆ ละ" คือกังวลอ่ะ
เวลาไปเจออจ.แต่ละทีต้องเตรียมตัวและไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง
อยู่ในภาวะเสี่ยง!!!!! T^T
 กว่าจะผ่านสภาวะนี้สองปีแน่ๆ นี่เป็นการเริ่มต้นปีแรกนะ
เริ่มต้นซะดีเชียววววว เหร๊ออออ ไม่อ่ะเซ้ะะะะ T______________T
สู้ต่อไปโว๊ยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เปิดเทอม

 ขึ้นสู่ปีที่สองอย่างเต็มขั้น
เทอมนี้ลงทะเบียนเรียนตัวนึง เป็นตัว Reading 
ตัวนี้ก็ประมาณว่าเตรียมทำโครงร่างแบบย่อมๆ อาจจะยังไม่สมบูรณ์มาก
แต่ก็คงสามารถพัฒนาไปเป็นโครงร่างฉบับเต็มได้ในอนาคต
กว่าจะถึงขั้นนั้นต้องเริ่มต้นให้ได้ก่อนนะจ๊ะตัวเอง

พรุ่งนี้ต้องไปสมัครสอบอิ๊งค์ป.โทที่ศูนย์ภาษา
ซึ่งป.โททุกคนต้องสอบให้ผ่านก่อนถึงจะได้สอบโครงร่างวิทยานิพนธ์
หกสิบเปอร์เซนต์ถึงจะผ่าน เราจะรอดมั้ยเนี่ย
อิ๊งค์ยิ่งเก่งๆ อยู่ (เหรอ?? ไม่ฮะ 55555)
ใครที่สอบไม่ผ่านก็สามารถสอบอีกจนกว่าจะผ่าน
ส่วนใครที่สอบไม่ผ่านแล้วไม่อยากสอบอีก
ก็สามารถลงเรียน แล้วก็จะผ่าน คอร์สหนึ่งเรียนกี่ครั้งไม่รู้นะ
แต่เห็นรุ่นพี่ไปเรียนเยอะอยู่เหมือนกัน ฮ่าๆ

รุ่นพี่ก็ให้กำลังใจดีมาก เราเด็กอักษรซะอย่างกลัวอะไร
กลัวจิพี่ เด็กอักษรก็อักษรโง่อิ๊งค์ ฮ่าๆๆ

ผ่านไม่ผ่าน ไม่เกินเดือนนี้รู้กัน!! >__<
fighto fighto

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ส้มตำบัตรคิว

ส้มตำปูปลาร้า    

เมื่อวานไปกินส้มตำกับเพื่อนมา
ไปสองคนหมดไปสองจาน และน่องไก่ย่างอีกสี่ไม้
เรากินข้าวเหนียวด้วยหนึ่งห่อ กินแล้วแน่นได้ที่เลย ข้าวเหนียวไม่เคยทำให้ผิดหวัง!!
เยอะไปไหม?? ฮ่าๆๆ

อยากจะบอกว่าส้มตำร้านนี้เริ่ดมาก
กินครั้งแรกก็ติดใจเลย
อร่อยที่สุดในเชียงใหม่ละ เริ่ดจริงๆ
ปลาร้าก็ไม่ได้เหม็นมาก เนื้อมะละกอก็กรอบๆ ไม่เหี่ยว ไม่เละ
รสชาติกลมกล่อม ฮ่าๆ

รูปได้มารูปเดียวนี่แหละ เพราะสนใจการกิน
ไก่ย่างก็อร่อยนะ เนื้อนุ่ม หนังกรอบ ร้อนๆ แต่ไม่ได้ถ่ายมา
ก็ไปกินกับเพื่อนประจำนะ
คิดไรไม่ออกก็ "ป่ะๆๆ ส้มตำบัตรคิว"
แม้จะไกลจากหลังมอไปหน่อยก็ไป เพราะความแซ่บ!!!!

ร้านก็ลึกลับมากนะ อยู่ในตรอกซอกซอย ไปยาก 
ถ้าไม่ใช่คนที่นี่จริงๆ ก็คงไม่ได้กิน ที่รู้จักเพราะคนเชียงใหม่พาไปกิน
หลังจากนั้นก็พากันไปกินตลอด

มีครั้งนึงส่งรูปไปให้พม.ดู พม.กรี๊ดเลยเพราะเค้าชอบส้มตำปูปลาร้าเหมือนกัน
ทีแรกนึกว่าจะตอบอย่างอื่น แต่นี่กรี๊ดกลับมา 55555


(^_______________^)

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฟ้าอยากทดสอบอะไรบางอย่างหรือป่าว?

ตลกดีนะ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอเหตุการณ์ไรแนวนี้
อยากรู้อะดิ๊ว่าเราจะเข้มแข็งมากแค่ไหน
อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ... ถ้าไม่เจอจังๆ จะเฉยๆ นะ
นี่แค่โฉบๆ ยังห่างไกลกันอีกเยอะ
นี่ถ้าเจอจังๆ จะทำไงดีว่ะ แต่รู้ว่าไงก็คงยากน่าาา..
คงไม่มีไรบังเอิญมากขนาดนั้นหรอก
นอกจากจะเป็นความตั้งใจของเราเองตะหาก
มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก เชื่อมั่นในตัวเองนะ ว่าจะไม่ ไม่ และไม่

วันนั้นได้ยินคำว่า "เบื่อ, ไม่ชอบ" แล้วเกิดอาการตามเลย
แต่ยังไงก็อย่าเลิกละกัน ไม่งั้นคนรอตายแน่ๆ
รู้ชิมิว่ามีใครเค้ารออยู่นะ

เวลาที่เงียบไป รู้มั้ยว่าหงอย
เวลาที่หายไป รู้มั้ยว่าคิดถึง
เวลาที่จากไป รู้มั้ยว่าเศร้าแค่ไหน T___T
เวลาที่เจอกัน รู้มั้ยว่าดีใจมากแค่ไหน ^^



วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ลม


ก็ไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเรามาพบกัน
และไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเธอไปจากฉัน
อยู่ดีๆก็ทำให้ฉันรักเธอ
ทำให้มีความฝัน
แต่ไม่นานก็ทำลายฉันจนแทบไม่เหลือใจ

และบางครั้งในยามค่ำคืนแม้กายจะล้มไป
อยากให้รู้เรื่องราวของเธอไม่เคยจะหลับไหล
หลับตาลงแต่ใจยังคิดถึงเธอ
อยากจะเจอเพียงไหน
ก็ไม่มีทางทำอะไรได้เลย…

จะมีทางไหมที่ลมจะพาเธอย้อนคืนมา
ไม่ปล่อยให้ฉันต้องเสียน้ำตามากมายกับความหลัง
อยากบอกเธอว่าคนคนนี้ยังคอย
รออย่างมีความหวัง
รอให้ลมนั้นพัดเรามาคู่กัน

จะมีทางไหมที่ลมจะพาเธอย้อนคืนมา
ไม่ปล่อยให้ฉันต้องเสียน้ำตามากมายกับความหลัง
อยากบอกเธอว่าคนคนนี้ยังคอย
รออย่างมีความหวัง
รอแต่เธอเท่านั้นให้เธอเข้าใจ

ก็ไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเรามาพบกัน
ก็ฉันไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเธอไปจากฉัน
อยู่ดีๆก็ทำให้ฉันรักเธอ
ทำให้มีความฝัน
แต่ไม่นานก็ทำลายกันไม่เหลือใจ
แต่ว่าฉันยังคิดถึงเธออยู่ร่ำไป…

.......................
เมื่อวานได้ฟังเพลงนี้ เสียน้ำตาไปหลายถังเลยทีเดียว
ก็เข้าไปหาเพลงฟังใน gmember ปกติ พอเจอเพลงนี้เข้าโคตรอินเลยยย TT
นั่งน้ำตาหยดแหมะๆ T______________T
ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลยนะ
ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ เศร้าสุดๆ
นั่งร้องไห้จนปวดหัว ไม่ได้อยากจะร้องเลย นี่ไหลเองแบบเขื่อนแตกอ่ะ
ปกติไม่ใช่คนเสียน้ำตาง่ายขนาดนี้นะ
เมื่อวานห้ามไม่ได้จริงๆ ก็เลยปล่อยให้ไหล ร้องจนหลับ..
ตื่นมาอีกทีร้องต่อ ชีวิตไรจะเศร้าขนาดนั้น (-__-)
จนน้องบอกให้ไปนอน จะได้ดีขึ้น
แต่ต้องใช้ยาช่วยถึงจะนอนหลับ เลยซัดพาราไปสองเม็ด
ตื่นมาก็โล่งขึ้นนะ แต่เดินออกไประเบียง น้ำตาไหลอีก แง..
เข้าใจว่าการพบและการจากเป็นเรื่องปกติ
แต่พอเวลาอยู่ในสถานการณ์นั้นก็ทำใจไม่ได้นะ
มีความสุขเมื่อได้พบเจอ แต่เศร้าใจและหดหู่เมื่อการลาจากเกิดขึ้น
ถ้าพูดแบบเด็กเอาแต่ใจตัวเอง และไม่มีเหตุผล 
อยากบอกว่า "ไม่ต้องไปจะได้มั้ย อยู่ด้วยกันอย่างนี้นานๆ นะ นะ นะ"
ถ้าทำได้อยากหยุดเวลาช่วงที่ได้อยู่ด้วยกันเอาไว้ให้นานที่สุด

รอวันที่จะได้พบเจออีกครั้ง แม้จะรู้ว่ามันมาพร้อมการจากลา
ยอมที่จะเศร้าอีกครั้ง ถ้าได้เจอกันอีกที
ขอบคุณที่ให้โอกาสได้ไปพบเจอ อยากมีโอกาสนั้นอีกครั้ง
นานแค่ไหนก็จะรอ ^^



วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เนือยๆ หงอยๆ จ๋อยๆ T_____T

ตอนเช้าอากาศเย็นๆ กลางวันอากาศร้อนมาก ตอนเย็นฝนตก
นี่คืออากาศเชียงใหม่ช่วงนี้ จะบ้าตาย!!!
หรือมันเป็นปกติอยู่แล้ว?? แปรปรวนเกิ๊น
ร่างกายใครมันจะไปรับไหวว่ะ ปรับตัวไม่ทันนะ
ตอนเช้าถึงกับต้องอาบน้ำอุ่น เรียกว่าร้อนเลยก็ได้ เพราะรู้สึกหนาวจริงๆ
พอเที่ยงๆ ตอนไปกินข้าวนี่แดดจ๋าเชียวนะ แสบผิวกันเลยทีเดียว
กลับมาห้องตอนบ่ายเปิดพัดลมสิคะ ร้อนขนาดเน้!!
ตอนเย็นฟ้าครึ้ม สักพักฝนตก เออ...เห็นมั้ยล่ะ ให้มันได้งี้
แล้วเราก็ออกไปหาไรกิน หลังฝนซาๆ ซึ่งก็ยังมีโปรยๆ บ้าง

ดูจากสภาพอากาศแล้ว จะไม่ให้อารมณ์แปรปรวนได้ไง
นี่ถ้าหิมะตกคงบ้าไปแล้ว!!!!!! "ป่ะ...ไปเล่นหิมะกัน!"(ประชด)
ตอนบ่ายๆ เริ่มปวดหัวอ่ะ ปวดหนึบๆ เลย 
สงสัยเพราะเจอแดดแรงๆ กลับมาเลยเพลียแดด
และคิดว่าคงใกล้จะเป็นปจด.ด้วย
เป็นผู้หญิงแท้จริงแสนลำบาก T^T

พยายามจะนอนก็นอนไม่หลับ เผื่อจะหายปวดบ้าง
แต่นอนไม่หลับ เลยนอนดูหนัง สลับกับเล่นเกม
ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนะ คงมีคนคิดว่าทำไมไม่กินยา คิดเหมือนกัน
แต่ไม่ชอบกินยา ต้องสุดๆ จริงๆ ถึงจะยอมกิน
แบบไม่ไหวแล้ว ขอยาเหอะ อันนี้กี่เม็ดก็ไม่อั้น ไม่ปฏิเสธละ

พอสภาพร่างกายไม่ดี จิตใจก็ห่อเหี่ยวไปด้วย
แต่ดีที่ไม่เป็นคนโวยวายและขี้หงุดหงิด แถมอยู่คนเดียวด้วย
แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนก็จะนิ่งๆ พูดน้อย
ปกติก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้วนะ นอกจากมีเรื่องต้องเล่า แหะๆ
เวลาหงอยๆ แบบนี้ก็เงียบๆ ดูหนัง ฟังเพลง หรือหาไรทำไป
แล้วก็หาไรกิน คิดหาของกิน อยากกินไรก็กิน
บำบัดด้วยการกิน แม้จะไม่ได้ช่วยไรมาก
แต่เวลาได้กินก็โอเคขึ้นนะ บำบัดความเครียดด้วยการกิน
อ้วนนะถ้าเครียดบ่อยๆ แล้วกินบ่อยๆ ไม่ดีแน่ กินเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ!!

อีกอย่างคือการคิดถึงใครสักคนก็ทำให้หงอยเหงานะ TT
เพิ่งเขียนเรื่องคิดถึงไป ไม่อยากเขียนอีก
คิดถึงยังไงก็คิดถึง ไม่รู้จะอธิบายยังไง แง (ขี้แย งอแงเหมือนเด็กน้อยจริงๆ เรา)
คิดถึงเรื่อยๆ คิดถึงบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน
เออ...มีน้องมาแนะนำให้ฟังเพลงใหม่ของ ETC ชื่อเพลง เจ็บและชินไปเอง
น่าน...ดูชื่อเพลง อาร๊ายก๊านนนน
พอๆ ไม่อยากเจ็บ แต่บางทีมันก็เลี่ยงไม่ได้นะ "ได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวด"
แว๊กกกกก... พ๊ออออ... -____-


พรุ่งนี้จะกลับบ้านล่ะ 
กลับไปอ่านหนังสือบ้างไรบ้าง เพราะขนหนังสือกลับไปเต็มเลย
เอาเครื่องปริ้นเครื่องเก่ากลับด้วย ได้ใหม่ต้องโละของเก่า
ที่จริงมันใช้ไม่ได้อ่ะ แต่จะทิ้งก็กระไรอยู่
แล้วเอากลับบ้าน มันจะใช้ได้มั้ย? นั่นสิ - -"
เผื่อพี่เอาไปซ่อม

"พรุ่งนี้บะบายเจียงใหม่ ปะกันนะอิสานบ้านเฮา"



วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คิดถึง


เวลาที่เราห่างจากใครสักคน ไม่ว่าระยะทางจะห่างกันแค่ไหน
ใกล้หรือไกลก็คงไม่ต่างกัน อาจจะต่างกันที่ความรู้สึกบ้าง
อย่างคนที่อยู่ใกล้ก็จะบอกว่า "ใกล้แล้วไง? ยังไงก็ไม่ได้เจอกันอยู่ดี... ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ"
คนที่อยู่ไกลก็คงจะบอกอีกเช่นกันว่า "อย่างน้อยก็อุ่นใจได้อยู่ใกล้"

วิธีที่อาจจะทำให้คลายความคิดถึงลงไปได้บ้าง
คงเป็นการพูดคุยกัน แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากคุยล่ะ? อย่างงี้เรียกว่าคิดถึงข้างเดียว?
คิดแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆ เค้าคงงานยุ่ง เหนื่อย อยากพักผ่อน
นี่คิดแง่บวกเข้าข้างตัวเองมากกก... อย่างน้อยจะได้ไม่เศร้ามาก
แค่คิดถึงก็เป็นสุขใจ บอกให้เค้ารู้บ้าง ไม่รู้นะว่าเค้าคิดยังไง
แต่ก็อยากบอก บางทีบอกบ่อยจนไม่กล้าบอก กลัวเค้ารำคาญ

บางทีเค้าอาจจะไม่ได้คิดอะไรก็ได้
แต่บางทีเราก็ห่วงความรู้สึกเค้า จนไม่กล้า พยายามยึดหลักความพอดี
ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป พอดีๆๆๆ (ท่องไว้ ^^)
ได้แต่คิดถึงแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ
ผ่านไปนานเท่าไหร่ความคิดถึงคงไม่จางหาย มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
จนกว่าจะได้เจอกัน แม้จะเป็นการเจอกันช่วงสั้นๆ ก็ตาม
แต่อย่างน้อยความคิดถึงที่มีมานาน จะได้คลายลงไปบ้าง
แล้วค่อยก็ตัวใหม่นับตั้งแต่วันที่เราจากลากัน

คิดถึงเสมอนะคะ ^^

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ปิดเทอมมม...ฉันทำอะไร

ผ่านไปแล้วอย่างสวยงาม(รึเปล่า?)กับการเรียนปี 1 ป.โท
สองเทอมที่ผ่านมาเรียนเทอมละ 4 ตัว
4 ตัวที่ว่า แม้จะแค่ครึ่งนึงของที่เรียนป.ตรี
(ปกติป.ตรีเรียนเทอมละ 7-8 ตัว เยอะจริงๆ - -")
แต่หนักหนาและสาหัสกว่าป.ตรีหลายเท่าเลย ปริมาณน้อย แต่อย่างอื่นเยอะ!!
ทั้งหนังสือที่ต้องอ่าน งานที่ต้องทำ นึกย้อนกลับไปแล้วเพลีย
พอล่ะเรื่องเครียดๆ (แต่คาดว่าปีสองจะเครียดกว่า? อย่าเพิ่งคิ๊ด ยังไม่เปิดเทอม!)

เราปิดเทอมเมื่อไหร่หว่า?
อ่อ...ประมาณต้นมีนา เพราะมีเหตุที่ต้องรีบปั่นงานส่งอย่างด่วน
ที่จริงงานตัวสุดท้ายอจ.ให้เวลาส่งถึงวันที่ 8 มีนานะ
แต่ช่วงอาทิตย์แรกของเดือน เรามีธุระที่สำคัญมากกก...เลยต้องรีบทำให้เสร็จ
ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ภาระกิจเสร็จสิ้น แฮปปี้ (^__________^)
หน้ามอค่ะ มีภาพสะท้อนจากอีกด้านด้วยนะ
ได้กลับบ้านประมาณอาทิตย์กว่าๆ กลางๆ เดือนก็กลับมาเชียงใหม่
ก่อนกลับเชียงใหม่ก็ไปแวะนครปฐม 
"กรี๊ดดดด...ศิลปากรที่รัก"
รักศิลปากร รักนครปฐม รักเพื่อนๆ รักอาจารย์ รักทุกอย่างที่นี่
สี่ปีที่ผ่านมาเป็นอะไรที่มีความหมายมาก
รักและผูกพันกับที่นี่จริงๆ นะ

สระแก้ว มองเห็นสะพานอยู่ลิบๆ

เข้าไปในมอ...ยูเนียน สระแก้ว สะพานข้ามดาว คณะ ภาควิชา
ไปตอนปิดเทอมเลยค่อนข้างเงียบหน่อย
จากนั้นเพื่อนก็พาตระเวนหาของกินในนครปฐม
ข้าวหมูแดง ข้าวหลาม หมี่พี่แอน บัวลอยเต็นท์เขียวหน้ามอ
ขาดไอติมไผ่ทองกับอิ่มจังนะ
ถ้าเดอะแก๊งค์มากันครบ คงไม่พลาดสักที่ คิดถึงเพื่อนๆ 

ภาพไม่ได้ rotate เอียงคอดูเอานะ บรรยากาศที่น่านค่า ^^

17-20 มีนา ไปออกภาคสนามกับอจ.ที่น่าน
เคยไปน่านมาแล้วครั้งนึงตอนป.ตรี
เป็นทริปตอนปีสี่ วิชา Aerial Photo ตอนนั้นไปนอนที่อช.ดอยภูคา
ไปช่วงต้นๆ ปี จำได้ว่าอากาศหนาวมากกกกก
ไปครั้งนั้นก็สนุกมาก เพราะเพื่อนครบ!! เดอะแก๊งค์
ไปคราวนี้ไปกับเพื่อนป.โท ก็สนุกเหมือนกัน
แต่ที่สำคัญไปทำงานแบบจริงจังกว่าตอนไปครั้งแรก
เพราะครั้งนั้นไปกึ่งเรียนกึ่งเล่น
ครั้งนี้ไม่เล่นค่ะ ทำงานอย่างเดียวเลย(มีผ่อนคลายบ้างเวลาว่่าง)

ไปครั้งนี้มีงานชัดเจนว่าต้องไปสัมภาษณ์คนในหมู่บ้าน(อ.ปัว)
เรื่องเกี่ยวกับชีวิตของคนในหมู่บ้าน ซึ่งประเด็นก็มีหลายเรื่องมาก
งานนี้เป็นงานวิจัยของอจ. เราก็เหมือนเป็นผู้ช่วย ไปฝึกลงพื้นที่จริง 
หลังจากที่เรียนภาคทฤษฎีในห้องมาเทอมนึงล่ะ
อจ.เลยอยากให้ลองนำความรู้ที่ได้เรียนไปใช้ในพื้นที่จริงด้วย

ที่นี่อู้แต่คำเมืองเน้อ ดีหน่อยที่ภาษาอีสานเราก็ใกล้เคียงกับคำเมือง
เลยฟังรู้เรื่อง สบายปร๋อมาก ส่วนเพื่อนคนภาคกลางก็งงหน่อย
บางคำก็แปลผิดหมายความไปไกลเลย ก็ถือเป็นสีสันในการออกทริปครั้งนี้ 5555
ที่สำคัญชาวบ้านที่นี่น่ารักมาก เป็นกันเอง
ดีใจที่ได้ไป แต่กลับมาอจ.สั่งงานบานเลย T^T

หลังกลับมาจากน่านวันเดียว
แม่บอกว่า "ยายเสียแล้วนะลูก" T_________T
เรื่องเศร้าอีก แต่ที่จริงญาติๆ ก็ทำใจมานานแล้ว เพราะยายป่วยเป็นโรคไต
ทรมานมานานมากแล้ว คิดในแง่ดี ยายไปสบายแล้ว
ก็กลับบ้านอีกรอบ 

พจนานุกรมฉบับมติชน

หลังงานศพยายก็อยู่บ้านประมาณอาทิตย์นึง
ปลายๆ มีนาถึงต้นเมษาก็มางานหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์
งานหนังสือคราวนี้ได้หนังสือที่อยากได้สักที นั่นก็คือ พจนานุกรม
ไม่ได้ของฉบับราชบัณฑิตยสถานนะ เพราะหมด ถ้าอยากได้ต้องรอเป็นปีแหน่ะ
ก็เลยได้พจนานุกรมฉบับมติชนมาแทน ^^
นอกจากนี้ก็ได้หนังสืออื่นๆ อีกหลายเล่ม เช่น ความสุขโดยสังเกตของนิ้วกลม
อักษรตัวหนาของพี่สิงห์ หนังสือเล่มใหม่ของหนุ่มเมืองจันท์
หนังสือชุดเสริมสร้างกำลังใจเล่มใหม่ของคุณวินทร์ เลียววาริณ ฯลฯ

จากนั้นก็กลับมาเชียงใหม่อีกรอบ(เดินทางเยอะจังเนอะ)
ตอนสงกรานต์ก็อยู่ที่เชียงใหม่ แต่ไม่ได้ไปเล่นน้ำเลย ปจด.มาซะนี่ - -"
นอนอยู่ห้องเพลินๆ เลย 5555
วันสุดท้ายก้ได้นั่งรถผ่านดูบรรยากาศรอบคูเมืองอยู่นะ 
ดูเค้าสนุกสนานเฮฮากันจริงๆ สงกรานต์เชียงใหม่สุดยอด!!

เมื่อวันที่ 29 เมษาที่ผ่านมาก็ได้ไปฟังไรที่มีประโยชน์บ้าง
คือไปฟังรุ่นพี่สอบโครงร่างวิทยานิพนธ์
ตื่นเต้นแทน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี แต่กว่าจะได้สอบก็หนักเหมือนกัน
เพราะไหนจะต้องคิดหัวข้อ คิดประเด็น ทบทวนวรรณกรรม
หาแนวคิดมาใช้ในการศึกษา โอ๊ยยย...หลายสิ่ง
ประสบการณ์ตรงจากที่เรียนมาตอนเทอมสองเลย TT
ดีใจแทนรุ่นพี่ที่ได้สอบ ผ่านไปสักที โย่ว!

ปิดเทอมยังเหลืออีกตั้งเดือนกว่านิดๆ
แผนที่วางไว้คือปลายเดือนนี้จะสอบภาษาอังกฤษ
ต่อจากนี้คงต้องตั้งใจอ่านหนังสือบ้างไรบ้าง
ไม่งั้นโอกาสที่จะไม่ผ่านก็มีสูงนะฮ๊า เรายิ่งเก่งๆ อิ๊งค์อยู่(เหรอ? 55555 ไม่ไง)
fighto fighto โย่ว โย่ว ^^"


วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

ประเดิมบล็อกแรกด้วย 'Romantic RUJ'


 นี่เป็นอัลบั้มที่สองของพี่รุจแล้ว
จากที่อ่านที่เฮียแกให้สัมภาษณ์ในนสพ.คมชัดลึก
อัลบั้มนี้ใช้เวลาทำนานกว่าอัลบั้มแรก อัลบั้มแรกประมาณแปดเดือน
ส่วนอัลบั้มนี้ประมาณปีกว่าๆ ของดีต้องนานหน่อยเนอะ ^^"

พี่รุจเป็นศิลปินที่มาจากเวทีการประกวด The star ซึ่งเราดูทุกปี
ปีแรกก็ปีพี่สน ปีสองพี่เอ็ม ปีสามพี่อาร์ ปีสี่แก้ม และพี่รุจก็ประกวดตอนปีสี่นี่แหละ
พี่รุจได้ที่สอง ไม่แปลกใจเลยนะ เพราะแก้ม สาวที่มีพลังเสียงสุดยอด
ถ้าไม่ได้เป็นเดอะสตาร์ก็แปลกแล้ว
ส่วนพี่รุจได้ที่สองเป็นรองแชมป์ ก็ได้ออกอัลบั้มตามที่พี่แกตั้งใจ

ตอนประกวดก็ไม่ได้ชอบพี่รุจมากเท่าไหร่นะ แม้จะหล่อก็นะ
ปกติเวลาชอบใครไม่ได้ชอบที่หน้าตา แต่ชอบที่ความคิดมากกว่า
หลังจบการประกวดก็ได้เข้าไปอ่านที่พี่รุจเขียนอธิบายถึงตัวตนของตัวเองว่าเป็นยังไงในเวป
เพราะมีข่าวเยอะมากว่าพี่รุจเป็นอย่างงู้น อย่างงี้
ส่วนใหญ่ก็ในแง่ลบ เพราะข่าวแบบนี้จะขายดี
รวมถึงเรื่องเล่นละครด้วย ทำไมไม่เล่น อะไรยังไง
เราก็อยากรู้เหมือนกัน ทำไมเหรอ หน้าตาก็หล่อ ไหงปฏิเสธ

พอไปอ่านที่พี่รุจเขียนอธิบายว่าทำไม
ที่ประทับใจก็ตรงนี้แหละ พี่รุจบอกประมาณว่า 
"ไม่อยากทำอะไรในสิ่งที่ยังไม่ใช่และยังไม่ชอบ รู้ว่าไงเล่นละครก็ดังอยู่แล้ว
แต่ที่มาประกวดเพราะอยากร้องเพลง ไม่ได้อยากดัง"
ดูมีอุดมคติ และมุ่งมั่นจริงๆ ว่ามาเพื่ออะไร จะทำอะไร
 น้อยคนนะที่จะคิดแบบนี้ คนส่วนใหญ่ก็อยากดังกันทั้งนั้น
แต่นี่เป็นอีกมุมนึงที่เราได้เห็นในมุมของพี่รุจ
เรื่องการร้องเพลงพี่รุจก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
 ไม่ได้มีดีที่หล่ออย่างเดียวนะ เสียงยังดีอีก เริ่ดค่ะ ^^
 ตอนนี้หลายคนก็ยอมรับในเรื่องเสียงร้องของพี่รุจมากแล้วนะ ปลื้มแทน




อัลบั้ม 'Romantic RUJ' มีทั้งหมด 12 เพลง
ฟังครบทุกเพลงล่ะ ชอบนะ
ไม่พูดถึงเพลงดีกว่า ใครอยากฟังก็ไปหาฟังเอาเน้อ อิอิ

อัลบั้มวางแผงวันแรกเมื่อวานคือวันที่ 29 เมษายน 2554
เราไปซื้อมาวันนี้ เมื่อวานไปบีทูเอส รู้สึกว่าค้ากำไรเกินควรนะ
ปก 155 แต่ขายจริง 189 เพราะเป็นอัลบั้มใหม่
วันนี้เลยไปโลตัสซื้อที่ Media Network ขาย 135 เอง :D

ต่อไปก็รอซื้อ VCD Karaoke ^________^
ชอบศิลปินก็ต้องสนับสนุนผลงานของเค้า

เราเคยเจอพี่รุจสองครั้ง
ครั้งแรกเจอที่งานสุดสัปดาห์ที่เซ็นทรัลเวิล์ด
เจอแบบเฉียด เดินผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว มองตามแทบไม่ทัน
ครั้งที่สองเจอที่เชียงใหม่ พี่รุจมางานอีเว้นต์ซาบิน่าที่โรบินสัน
ฟังเสียงร้องสดๆ แล้วเคลิ้ม เสียงเพราะจัง
ความหล่อไม่ต้องพูดถึง หล่ออยู่แล้ว 5555
ส่วนนิสัยน่ารักนะ ดูเป็นกันเอง

ขอเป็นกำลังใจให้พี่อยู่ห่างๆ อย่างนี้เรื่อยๆ นะ
หวังว่าพี่จะมีผลงานออกมาเรื่อยๆ ให้ทุกคนได้ติดตามนะคะ