วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฟ้าอยากทดสอบอะไรบางอย่างหรือป่าว?

ตลกดีนะ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอเหตุการณ์ไรแนวนี้
อยากรู้อะดิ๊ว่าเราจะเข้มแข็งมากแค่ไหน
อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ... ถ้าไม่เจอจังๆ จะเฉยๆ นะ
นี่แค่โฉบๆ ยังห่างไกลกันอีกเยอะ
นี่ถ้าเจอจังๆ จะทำไงดีว่ะ แต่รู้ว่าไงก็คงยากน่าาา..
คงไม่มีไรบังเอิญมากขนาดนั้นหรอก
นอกจากจะเป็นความตั้งใจของเราเองตะหาก
มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก เชื่อมั่นในตัวเองนะ ว่าจะไม่ ไม่ และไม่

วันนั้นได้ยินคำว่า "เบื่อ, ไม่ชอบ" แล้วเกิดอาการตามเลย
แต่ยังไงก็อย่าเลิกละกัน ไม่งั้นคนรอตายแน่ๆ
รู้ชิมิว่ามีใครเค้ารออยู่นะ

เวลาที่เงียบไป รู้มั้ยว่าหงอย
เวลาที่หายไป รู้มั้ยว่าคิดถึง
เวลาที่จากไป รู้มั้ยว่าเศร้าแค่ไหน T___T
เวลาที่เจอกัน รู้มั้ยว่าดีใจมากแค่ไหน ^^



วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ลม


ก็ไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเรามาพบกัน
และไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเธอไปจากฉัน
อยู่ดีๆก็ทำให้ฉันรักเธอ
ทำให้มีความฝัน
แต่ไม่นานก็ทำลายฉันจนแทบไม่เหลือใจ

และบางครั้งในยามค่ำคืนแม้กายจะล้มไป
อยากให้รู้เรื่องราวของเธอไม่เคยจะหลับไหล
หลับตาลงแต่ใจยังคิดถึงเธอ
อยากจะเจอเพียงไหน
ก็ไม่มีทางทำอะไรได้เลย…

จะมีทางไหมที่ลมจะพาเธอย้อนคืนมา
ไม่ปล่อยให้ฉันต้องเสียน้ำตามากมายกับความหลัง
อยากบอกเธอว่าคนคนนี้ยังคอย
รออย่างมีความหวัง
รอให้ลมนั้นพัดเรามาคู่กัน

จะมีทางไหมที่ลมจะพาเธอย้อนคืนมา
ไม่ปล่อยให้ฉันต้องเสียน้ำตามากมายกับความหลัง
อยากบอกเธอว่าคนคนนี้ยังคอย
รออย่างมีความหวัง
รอแต่เธอเท่านั้นให้เธอเข้าใจ

ก็ไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเรามาพบกัน
ก็ฉันไม่รู้ว่าลมอะไรพัดเธอไปจากฉัน
อยู่ดีๆก็ทำให้ฉันรักเธอ
ทำให้มีความฝัน
แต่ไม่นานก็ทำลายกันไม่เหลือใจ
แต่ว่าฉันยังคิดถึงเธออยู่ร่ำไป…

.......................
เมื่อวานได้ฟังเพลงนี้ เสียน้ำตาไปหลายถังเลยทีเดียว
ก็เข้าไปหาเพลงฟังใน gmember ปกติ พอเจอเพลงนี้เข้าโคตรอินเลยยย TT
นั่งน้ำตาหยดแหมะๆ T______________T
ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลยนะ
ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ เศร้าสุดๆ
นั่งร้องไห้จนปวดหัว ไม่ได้อยากจะร้องเลย นี่ไหลเองแบบเขื่อนแตกอ่ะ
ปกติไม่ใช่คนเสียน้ำตาง่ายขนาดนี้นะ
เมื่อวานห้ามไม่ได้จริงๆ ก็เลยปล่อยให้ไหล ร้องจนหลับ..
ตื่นมาอีกทีร้องต่อ ชีวิตไรจะเศร้าขนาดนั้น (-__-)
จนน้องบอกให้ไปนอน จะได้ดีขึ้น
แต่ต้องใช้ยาช่วยถึงจะนอนหลับ เลยซัดพาราไปสองเม็ด
ตื่นมาก็โล่งขึ้นนะ แต่เดินออกไประเบียง น้ำตาไหลอีก แง..
เข้าใจว่าการพบและการจากเป็นเรื่องปกติ
แต่พอเวลาอยู่ในสถานการณ์นั้นก็ทำใจไม่ได้นะ
มีความสุขเมื่อได้พบเจอ แต่เศร้าใจและหดหู่เมื่อการลาจากเกิดขึ้น
ถ้าพูดแบบเด็กเอาแต่ใจตัวเอง และไม่มีเหตุผล 
อยากบอกว่า "ไม่ต้องไปจะได้มั้ย อยู่ด้วยกันอย่างนี้นานๆ นะ นะ นะ"
ถ้าทำได้อยากหยุดเวลาช่วงที่ได้อยู่ด้วยกันเอาไว้ให้นานที่สุด

รอวันที่จะได้พบเจออีกครั้ง แม้จะรู้ว่ามันมาพร้อมการจากลา
ยอมที่จะเศร้าอีกครั้ง ถ้าได้เจอกันอีกที
ขอบคุณที่ให้โอกาสได้ไปพบเจอ อยากมีโอกาสนั้นอีกครั้ง
นานแค่ไหนก็จะรอ ^^



วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เนือยๆ หงอยๆ จ๋อยๆ T_____T

ตอนเช้าอากาศเย็นๆ กลางวันอากาศร้อนมาก ตอนเย็นฝนตก
นี่คืออากาศเชียงใหม่ช่วงนี้ จะบ้าตาย!!!
หรือมันเป็นปกติอยู่แล้ว?? แปรปรวนเกิ๊น
ร่างกายใครมันจะไปรับไหวว่ะ ปรับตัวไม่ทันนะ
ตอนเช้าถึงกับต้องอาบน้ำอุ่น เรียกว่าร้อนเลยก็ได้ เพราะรู้สึกหนาวจริงๆ
พอเที่ยงๆ ตอนไปกินข้าวนี่แดดจ๋าเชียวนะ แสบผิวกันเลยทีเดียว
กลับมาห้องตอนบ่ายเปิดพัดลมสิคะ ร้อนขนาดเน้!!
ตอนเย็นฟ้าครึ้ม สักพักฝนตก เออ...เห็นมั้ยล่ะ ให้มันได้งี้
แล้วเราก็ออกไปหาไรกิน หลังฝนซาๆ ซึ่งก็ยังมีโปรยๆ บ้าง

ดูจากสภาพอากาศแล้ว จะไม่ให้อารมณ์แปรปรวนได้ไง
นี่ถ้าหิมะตกคงบ้าไปแล้ว!!!!!! "ป่ะ...ไปเล่นหิมะกัน!"(ประชด)
ตอนบ่ายๆ เริ่มปวดหัวอ่ะ ปวดหนึบๆ เลย 
สงสัยเพราะเจอแดดแรงๆ กลับมาเลยเพลียแดด
และคิดว่าคงใกล้จะเป็นปจด.ด้วย
เป็นผู้หญิงแท้จริงแสนลำบาก T^T

พยายามจะนอนก็นอนไม่หลับ เผื่อจะหายปวดบ้าง
แต่นอนไม่หลับ เลยนอนดูหนัง สลับกับเล่นเกม
ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนะ คงมีคนคิดว่าทำไมไม่กินยา คิดเหมือนกัน
แต่ไม่ชอบกินยา ต้องสุดๆ จริงๆ ถึงจะยอมกิน
แบบไม่ไหวแล้ว ขอยาเหอะ อันนี้กี่เม็ดก็ไม่อั้น ไม่ปฏิเสธละ

พอสภาพร่างกายไม่ดี จิตใจก็ห่อเหี่ยวไปด้วย
แต่ดีที่ไม่เป็นคนโวยวายและขี้หงุดหงิด แถมอยู่คนเดียวด้วย
แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนก็จะนิ่งๆ พูดน้อย
ปกติก็ไม่ค่อยพูดอยู่แล้วนะ นอกจากมีเรื่องต้องเล่า แหะๆ
เวลาหงอยๆ แบบนี้ก็เงียบๆ ดูหนัง ฟังเพลง หรือหาไรทำไป
แล้วก็หาไรกิน คิดหาของกิน อยากกินไรก็กิน
บำบัดด้วยการกิน แม้จะไม่ได้ช่วยไรมาก
แต่เวลาได้กินก็โอเคขึ้นนะ บำบัดความเครียดด้วยการกิน
อ้วนนะถ้าเครียดบ่อยๆ แล้วกินบ่อยๆ ไม่ดีแน่ กินเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ!!

อีกอย่างคือการคิดถึงใครสักคนก็ทำให้หงอยเหงานะ TT
เพิ่งเขียนเรื่องคิดถึงไป ไม่อยากเขียนอีก
คิดถึงยังไงก็คิดถึง ไม่รู้จะอธิบายยังไง แง (ขี้แย งอแงเหมือนเด็กน้อยจริงๆ เรา)
คิดถึงเรื่อยๆ คิดถึงบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน
เออ...มีน้องมาแนะนำให้ฟังเพลงใหม่ของ ETC ชื่อเพลง เจ็บและชินไปเอง
น่าน...ดูชื่อเพลง อาร๊ายก๊านนนน
พอๆ ไม่อยากเจ็บ แต่บางทีมันก็เลี่ยงไม่ได้นะ "ได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวด"
แว๊กกกกก... พ๊ออออ... -____-


พรุ่งนี้จะกลับบ้านล่ะ 
กลับไปอ่านหนังสือบ้างไรบ้าง เพราะขนหนังสือกลับไปเต็มเลย
เอาเครื่องปริ้นเครื่องเก่ากลับด้วย ได้ใหม่ต้องโละของเก่า
ที่จริงมันใช้ไม่ได้อ่ะ แต่จะทิ้งก็กระไรอยู่
แล้วเอากลับบ้าน มันจะใช้ได้มั้ย? นั่นสิ - -"
เผื่อพี่เอาไปซ่อม

"พรุ่งนี้บะบายเจียงใหม่ ปะกันนะอิสานบ้านเฮา"



วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คิดถึง


เวลาที่เราห่างจากใครสักคน ไม่ว่าระยะทางจะห่างกันแค่ไหน
ใกล้หรือไกลก็คงไม่ต่างกัน อาจจะต่างกันที่ความรู้สึกบ้าง
อย่างคนที่อยู่ใกล้ก็จะบอกว่า "ใกล้แล้วไง? ยังไงก็ไม่ได้เจอกันอยู่ดี... ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ"
คนที่อยู่ไกลก็คงจะบอกอีกเช่นกันว่า "อย่างน้อยก็อุ่นใจได้อยู่ใกล้"

วิธีที่อาจจะทำให้คลายความคิดถึงลงไปได้บ้าง
คงเป็นการพูดคุยกัน แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากคุยล่ะ? อย่างงี้เรียกว่าคิดถึงข้างเดียว?
คิดแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆ เค้าคงงานยุ่ง เหนื่อย อยากพักผ่อน
นี่คิดแง่บวกเข้าข้างตัวเองมากกก... อย่างน้อยจะได้ไม่เศร้ามาก
แค่คิดถึงก็เป็นสุขใจ บอกให้เค้ารู้บ้าง ไม่รู้นะว่าเค้าคิดยังไง
แต่ก็อยากบอก บางทีบอกบ่อยจนไม่กล้าบอก กลัวเค้ารำคาญ

บางทีเค้าอาจจะไม่ได้คิดอะไรก็ได้
แต่บางทีเราก็ห่วงความรู้สึกเค้า จนไม่กล้า พยายามยึดหลักความพอดี
ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป พอดีๆๆๆ (ท่องไว้ ^^)
ได้แต่คิดถึงแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ
ผ่านไปนานเท่าไหร่ความคิดถึงคงไม่จางหาย มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
จนกว่าจะได้เจอกัน แม้จะเป็นการเจอกันช่วงสั้นๆ ก็ตาม
แต่อย่างน้อยความคิดถึงที่มีมานาน จะได้คลายลงไปบ้าง
แล้วค่อยก็ตัวใหม่นับตั้งแต่วันที่เราจากลากัน

คิดถึงเสมอนะคะ ^^

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ปิดเทอมมม...ฉันทำอะไร

ผ่านไปแล้วอย่างสวยงาม(รึเปล่า?)กับการเรียนปี 1 ป.โท
สองเทอมที่ผ่านมาเรียนเทอมละ 4 ตัว
4 ตัวที่ว่า แม้จะแค่ครึ่งนึงของที่เรียนป.ตรี
(ปกติป.ตรีเรียนเทอมละ 7-8 ตัว เยอะจริงๆ - -")
แต่หนักหนาและสาหัสกว่าป.ตรีหลายเท่าเลย ปริมาณน้อย แต่อย่างอื่นเยอะ!!
ทั้งหนังสือที่ต้องอ่าน งานที่ต้องทำ นึกย้อนกลับไปแล้วเพลีย
พอล่ะเรื่องเครียดๆ (แต่คาดว่าปีสองจะเครียดกว่า? อย่าเพิ่งคิ๊ด ยังไม่เปิดเทอม!)

เราปิดเทอมเมื่อไหร่หว่า?
อ่อ...ประมาณต้นมีนา เพราะมีเหตุที่ต้องรีบปั่นงานส่งอย่างด่วน
ที่จริงงานตัวสุดท้ายอจ.ให้เวลาส่งถึงวันที่ 8 มีนานะ
แต่ช่วงอาทิตย์แรกของเดือน เรามีธุระที่สำคัญมากกก...เลยต้องรีบทำให้เสร็จ
ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ภาระกิจเสร็จสิ้น แฮปปี้ (^__________^)
หน้ามอค่ะ มีภาพสะท้อนจากอีกด้านด้วยนะ
ได้กลับบ้านประมาณอาทิตย์กว่าๆ กลางๆ เดือนก็กลับมาเชียงใหม่
ก่อนกลับเชียงใหม่ก็ไปแวะนครปฐม 
"กรี๊ดดดด...ศิลปากรที่รัก"
รักศิลปากร รักนครปฐม รักเพื่อนๆ รักอาจารย์ รักทุกอย่างที่นี่
สี่ปีที่ผ่านมาเป็นอะไรที่มีความหมายมาก
รักและผูกพันกับที่นี่จริงๆ นะ

สระแก้ว มองเห็นสะพานอยู่ลิบๆ

เข้าไปในมอ...ยูเนียน สระแก้ว สะพานข้ามดาว คณะ ภาควิชา
ไปตอนปิดเทอมเลยค่อนข้างเงียบหน่อย
จากนั้นเพื่อนก็พาตระเวนหาของกินในนครปฐม
ข้าวหมูแดง ข้าวหลาม หมี่พี่แอน บัวลอยเต็นท์เขียวหน้ามอ
ขาดไอติมไผ่ทองกับอิ่มจังนะ
ถ้าเดอะแก๊งค์มากันครบ คงไม่พลาดสักที่ คิดถึงเพื่อนๆ 

ภาพไม่ได้ rotate เอียงคอดูเอานะ บรรยากาศที่น่านค่า ^^

17-20 มีนา ไปออกภาคสนามกับอจ.ที่น่าน
เคยไปน่านมาแล้วครั้งนึงตอนป.ตรี
เป็นทริปตอนปีสี่ วิชา Aerial Photo ตอนนั้นไปนอนที่อช.ดอยภูคา
ไปช่วงต้นๆ ปี จำได้ว่าอากาศหนาวมากกกกก
ไปครั้งนั้นก็สนุกมาก เพราะเพื่อนครบ!! เดอะแก๊งค์
ไปคราวนี้ไปกับเพื่อนป.โท ก็สนุกเหมือนกัน
แต่ที่สำคัญไปทำงานแบบจริงจังกว่าตอนไปครั้งแรก
เพราะครั้งนั้นไปกึ่งเรียนกึ่งเล่น
ครั้งนี้ไม่เล่นค่ะ ทำงานอย่างเดียวเลย(มีผ่อนคลายบ้างเวลาว่่าง)

ไปครั้งนี้มีงานชัดเจนว่าต้องไปสัมภาษณ์คนในหมู่บ้าน(อ.ปัว)
เรื่องเกี่ยวกับชีวิตของคนในหมู่บ้าน ซึ่งประเด็นก็มีหลายเรื่องมาก
งานนี้เป็นงานวิจัยของอจ. เราก็เหมือนเป็นผู้ช่วย ไปฝึกลงพื้นที่จริง 
หลังจากที่เรียนภาคทฤษฎีในห้องมาเทอมนึงล่ะ
อจ.เลยอยากให้ลองนำความรู้ที่ได้เรียนไปใช้ในพื้นที่จริงด้วย

ที่นี่อู้แต่คำเมืองเน้อ ดีหน่อยที่ภาษาอีสานเราก็ใกล้เคียงกับคำเมือง
เลยฟังรู้เรื่อง สบายปร๋อมาก ส่วนเพื่อนคนภาคกลางก็งงหน่อย
บางคำก็แปลผิดหมายความไปไกลเลย ก็ถือเป็นสีสันในการออกทริปครั้งนี้ 5555
ที่สำคัญชาวบ้านที่นี่น่ารักมาก เป็นกันเอง
ดีใจที่ได้ไป แต่กลับมาอจ.สั่งงานบานเลย T^T

หลังกลับมาจากน่านวันเดียว
แม่บอกว่า "ยายเสียแล้วนะลูก" T_________T
เรื่องเศร้าอีก แต่ที่จริงญาติๆ ก็ทำใจมานานแล้ว เพราะยายป่วยเป็นโรคไต
ทรมานมานานมากแล้ว คิดในแง่ดี ยายไปสบายแล้ว
ก็กลับบ้านอีกรอบ 

พจนานุกรมฉบับมติชน

หลังงานศพยายก็อยู่บ้านประมาณอาทิตย์นึง
ปลายๆ มีนาถึงต้นเมษาก็มางานหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์
งานหนังสือคราวนี้ได้หนังสือที่อยากได้สักที นั่นก็คือ พจนานุกรม
ไม่ได้ของฉบับราชบัณฑิตยสถานนะ เพราะหมด ถ้าอยากได้ต้องรอเป็นปีแหน่ะ
ก็เลยได้พจนานุกรมฉบับมติชนมาแทน ^^
นอกจากนี้ก็ได้หนังสืออื่นๆ อีกหลายเล่ม เช่น ความสุขโดยสังเกตของนิ้วกลม
อักษรตัวหนาของพี่สิงห์ หนังสือเล่มใหม่ของหนุ่มเมืองจันท์
หนังสือชุดเสริมสร้างกำลังใจเล่มใหม่ของคุณวินทร์ เลียววาริณ ฯลฯ

จากนั้นก็กลับมาเชียงใหม่อีกรอบ(เดินทางเยอะจังเนอะ)
ตอนสงกรานต์ก็อยู่ที่เชียงใหม่ แต่ไม่ได้ไปเล่นน้ำเลย ปจด.มาซะนี่ - -"
นอนอยู่ห้องเพลินๆ เลย 5555
วันสุดท้ายก้ได้นั่งรถผ่านดูบรรยากาศรอบคูเมืองอยู่นะ 
ดูเค้าสนุกสนานเฮฮากันจริงๆ สงกรานต์เชียงใหม่สุดยอด!!

เมื่อวันที่ 29 เมษาที่ผ่านมาก็ได้ไปฟังไรที่มีประโยชน์บ้าง
คือไปฟังรุ่นพี่สอบโครงร่างวิทยานิพนธ์
ตื่นเต้นแทน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี แต่กว่าจะได้สอบก็หนักเหมือนกัน
เพราะไหนจะต้องคิดหัวข้อ คิดประเด็น ทบทวนวรรณกรรม
หาแนวคิดมาใช้ในการศึกษา โอ๊ยยย...หลายสิ่ง
ประสบการณ์ตรงจากที่เรียนมาตอนเทอมสองเลย TT
ดีใจแทนรุ่นพี่ที่ได้สอบ ผ่านไปสักที โย่ว!

ปิดเทอมยังเหลืออีกตั้งเดือนกว่านิดๆ
แผนที่วางไว้คือปลายเดือนนี้จะสอบภาษาอังกฤษ
ต่อจากนี้คงต้องตั้งใจอ่านหนังสือบ้างไรบ้าง
ไม่งั้นโอกาสที่จะไม่ผ่านก็มีสูงนะฮ๊า เรายิ่งเก่งๆ อิ๊งค์อยู่(เหรอ? 55555 ไม่ไง)
fighto fighto โย่ว โย่ว ^^"